ศูนย์ข่าวภูเก็ต -เปิดใจหนุ่มใหญ่ รปภ.อุ้มระเบิดเพลิงออกจากย่านชุมชน เผยขอตายคนเดียว ดีกว่าให้นักท่องเที่ยว และประชาชนอีกจำนวนมากต้องมาเสี่ยง ขณะที่สาวใหญ่ที่ดูแลร้านจำหน่ายเสื้อผ้าที่ถูกคนร้ายนำระเบิดไปวางระบุเปิดออกดูถึงกับต้องตะลึงรีบให้เด็กในร้านนำไปทิ้งในถังน้ำ เชื่อน้ำจะช่วยให้วงจรไม่ทำงาน
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันนี้ (14 ส.ค.) น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปยังศูนย์การค้าไชน่าทาวน์ พลาซ่า ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายนำวัตถุต้องสงสัย หรือระเบิดเพลิงไปวางไว้ในร้านจำหน่ายเสื้อผ้า เพื่อมอบเงินรางวัลให้แก่นายกำธร เกตแก้ว เจ้าหน้าที่ รปภ. รวมทั้ง น.ส.สีตลา ตันมาลาทอง คนดูแลร้าน และพนักงานชาวเนปาล ที่ช่วยกันสังเกตจนพบวัตถุต้องสงสัย และนำไปทิ้งในถังน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุระเบิดขึ้น
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา คนร้ายได้ทำทีเข้าไปซื้อของที่ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า และนำวัตถุต้องสงสัยไปวางไว้ในร้าน แต่โชคดีที่คนดูแลร้านเห็นผิดสังเกตจึงเข้าตรวจสอบ เมื่อพบว่าภายในมีทั้งโทรศัพท์ และสายไฟ ไม้ขีดไฟ และเหล้าแห้งบรรจุอยู่จึงตัดสินใจให้เด็กในร้านนำไปทิ้งในถังน้ำที่บริเวณหน้าร้าน ขณะที่ รปภ.ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุได้เข้าไปตรวจสอบ เมื่อพบว่ามีการต่อวงจรคล้ายระเบิดจึงตัดสินใจอุ้มถังน้ำขนาด 20 ลิตร ไปทิ้งที่ลานจอดรถ ก่อนแจ้งตำรวจตรวจสอบ
น.ส.สีตลา ตันมาลาทอง ผู้ดูแลร้านกล่าวเปิดใจต่อผู้สื่อข่าวถึงนาทีพบวัตถุต้องสงสัยมีการต่อวงจรไว้แล้วว่า ก่อนเกิดเหตุมีผู้ชาย 2 คน แต่งตัวสวมหมวกปิดบังใบหน้า และสวมแมท รวมทั้งสวมถุงมือ เดินเข้ามาหาซื้อเสื้อผ้าในร้านเพื่อซื้อเสื้อ โดยมีชายสวมเสื้อแดงเดินไปหาซื้อเสื้อ ส่วนชายสวมเสื้อแขนยาวเดินเข้าไปในร้านก็คิดว่าเข้าไปเลือกเสื้อตามปกติ แต่หลังจากนั้นตนสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าวางไม่เรียบร้อยจึงเข้าไปจัด ขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าก็สังเกตเห็นถุงใส่โทรศัพท์วางอยู่ และมีการนำเสื้อผ้ามาวางทับไว้ ตอนแรกคิดว่าเป็นโทรศัพท์ของน้องพนักงานก็เปิดดูนิดหนึ่ง หลังจากชาย 2 คนที่ทำทีมาซื้อเสื้อผ้าเดินออกจากร้านก็ได้ถามพนักงานไม่ใช่โทรศัพท์ของตัวเอง
จึงตัดสินใจเปิดถุงออกดู แต่ก็ต้องตกตะลึงเพราะสิ่งที่เห็นเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นระเบิด เพราะภายในกล่องมีทั้งโทรศัพท์มือถือ สายไฟที่ต่อพ่วงกับเพาเวอร์แบงก์ เหล้าแห้งลักษณะเป็นเจล และไม้ขีดไฟ เมื่อเห็นดังนั้นก็คิดว่าเป็นระเบิดอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจให้พนักงานนำไปทิ้งในถังน้ำที่อยู่หน้าร้าน เนื่องจากคิดว่าน้ำจะช่วยตัดวงจรไฟฟ้าที่ต่อไว้ทำให้ระเบิดไม่ทำงานได้ หลังจากนั้น ก็มีคนมาหยิบดูก็เห็นไฟกะพริบๆ จึงได้เรียก รปภ.เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งตนทราบเพียงว่ามีการยกออกไปด้านนอก แต่ก็ไม่ได้ตามไปดู
ขณะที่ นายกำธร เกตุแก้ว รปภ.ซึ่งตัดสินใจอุ้มถังน้ำที่มีระเบิดอยู่ภายในถังไปวางที่ลานจอดรถห่างจากจุดที่พบประมาณ 800 เมตร เล่าถึงนาทีระทึกว่า ตอนนั้นกำลังจะกลับบ้านพักที่วิชิต เนื่องจากเลิกงานแล้ว แต่มีคนเรียกว่ามีระเบิดจึงเข้าไปดู เมื่อเห็นวัตถุที่ใส่อยู่ในถังน้ำก็ตัดสินใจในวินาทีนั้นเลยว่า ตายเป็นตาย และอุ้มถังน้ำขนาดใหญ่ที่ภายในมีระเบิดออกจากจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะอุ้มไปก็คิดว่าตายคนเดียวดีกว่าที่จะให้คนส่วนใหญ่ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยว และพนักงานขายของในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอยู่กันเป็นจำนวนมากมาตายไปด้วยกัน แต่ก็คิดตลอดเวลาที่อุ้มถังไปตอลดเวลาว่าจะระเบิดตอนไหน ระเบิดตอนไหน
เมื่อไปถึงลานจอดรถ เพื่อนก็ด่าว่าเอามาทำไม ซึ่งตนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร คิดเพียงอย่างเดียวว่าจะเอาออกไปจากพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมากเท่านั้น แต่ก็โชคดีที่ไม่ระเบิดขึ้น ซึ่งตนทำไปก็ไม่ได้หวังอะไร เพียงแต่ต้องการให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นรอดเท่านั้นถ้าเกิดเหตุระเบิดขึ้นส่วนตนยอมตายคนเดียว แต่ตายให้มีศักดิ์ศรี ตายอย่างมีคุณค่า จึงตัดสินใจทำไป แต่พอมานึกถึงตอนนี้ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน แต่ก็ดีใจที่วันนั้นระเบิดไม่ทำงาน