ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านในพื้นที่โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จัดขบวนรณรงค์เคลื่อนไหวพร้อมออกแถลงการณ์ยืนยันไม่ยอมให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาอย่างเด็ดขาด และประกาศว่าโรงเรียน ปอเนาะ มัสยิด กุโบร์ วัด และชุมชน ต้องอยู่ด้วยกัน แต่ไม่อยู่ร่วมกับถ่านหินแน่นอน เผยแค่ กฟผ.เริ่มต้นดำเนินงานก็ทำชุมชนแตกแยกแล้ว
วันนี้ (14 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายประมงพื้นบ้านเมืองเทพา, เครือข่ายเทพารักษ์ถิ่น, เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ร่วมเดินรณรงค์พร้อมอ่านแถลงการณ์ “เดินต่อลมหายใจคนชายแดนใต้#หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา” โดยระบุว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา สงขลา แม้ขณะนี้ยังไม่อนุมัติโครงการ แต่ก็ได้สร้างความหายนะให้แก่ชุมชนเมืองเทพาอันสุขสงบอย่างรุนแรง
โดยการใช้ทั้งเงินบาปเงินหะรอมโยนลงมาในพื้นที่ จัดกิจกรรมอบายมุขไร้สาระมากมาย ผลาญงบประเทศชาติ หลอกชาวบ้านสารพัดวิธี ทั้งหลอกให้นับต้นไม้ หลอกให้ชาวบ้านปลูกเพิ่มเพื่อนับเป็นผลอาสิน หลอกให้เขียนใบเสนอขายที่ดินราคาไร่ละห้าล้านสิบล้าน หลอกจะให้ที่ดินใหม่สิบไร่ร้อยไร่ หลอกว่าจะสร้างปอเนาะในที่ใหม่ตามแต่จะเลือกว่าจะย้ายไปไหน หลอกแม้กระทั่งมัสยิดกูโบร์ว่าไม่เอา หลอกว่าทุกอย่างสะอาด ถ่านหินสะอาด ไม่มีผลกระทบใดๆ กับชุมชน กับทะเล กับเรือกสวนไร่นา กับทุกอย่าง
นอกจากใช้อำนาจเงินมหาศาล ยังใช้อำนาจรัฐมาสร้างความอยุติธรรม มากดขี่ข่มเหงตลอดเวลา นับตั้งแต่การจัดเวที ค.1, 2, 3 ที่มีรถหุ้มเกราะแทนการมีส่วนร่วม การอนุมัติการก่อสร้างท่าเรือแม่น้ำเทพาอย่างน่ากังขา การใช้ฝ่ายความมั่นคงเข้าพื้นที่ช่วยทำการประชาสัมพันธ์โรงไฟฟ้าถ่านหิน การศึกษา EHIA โดยที่ทางชุมชนแทบไม่เคยเห็นบริษัทรับจ้างทำ EHIA ลงพื้นที่แต่อย่างใด หรือแม้แต่การละเมิดสิทธิมนุษยชน การข่มขู่ชาวบ้านด้วยวิธีการต่างๆ นานา
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านหมู่ที่ 4 บ้านคลองประดู่ และหมู่บ้านใกล้เคียงของ อ.เทพา ที่เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ต่างก็รู้ทันเล่ห์กลอุบายอันน่าขยะแขยงของ กฟผ. และเพื่อแสดงให้รัฐบาล และสาธารณะเห็นว่า คนคลองประดู่ไม่ได้ต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จึงได้จัดกิจกรรมการเดินรณรงค์ในชุมชน ภายใต้ชื่อว่า “เดินต่อลมหายใจคนชายแดนใต้ หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา”
“เราชาวบ้านยังยืนยันที่จะไม่ยอมขายที่ดิน ไม่ยอมย้ายออก ไม่ยอมรับการเวนคืน ไม่ยอมรับเงินทดแทนอาสินใดๆ อันเป็นเงินบาป หรือเงินหะรอม กฟผ.ไม่ต้องมาหลอกให้ทำใบเสนอชายที่ดิน เพื่อที่จะนำไปบอกแก่สังคมว่าคนพร้อมจะย้ายแล้ว”
“เราไม่ยอมให้มีการย้ายชุมชน ชุมชนที่นี่ก่อร่างสร้างตัวมานับร้อยๆ ปี ด้วยหยาดเหงื่อ และเลือดเนื้อของบรรพบุรุษของเรา และทะเลเทพาของเรามีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก แม่น้ำเทพาก็สะอาดและสมบูรณ์ พี่น้องหากินเลี้ยงชีพอย่างสุขสบาย ไม่ต้องเป็นภาระใคร เรายืนยันว่าเราจะไม่ย้ายไปไหน เราไม่ได้ยากจน ไม่ได้ตกงาน”
“เราจะไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงมัสยิด (บ้านของอัลลอฮ์) และกุโบร์ จากการเป็นศูนย์รวมจิตใจ และสถานที่ในการประกอบศาสนกิจ อะซาน ละหมาด อ่านอัลกุรอาน อบรมสั่งสอนศาสนา เชิญชวนทำความดีของคนในชุมชน มาอนุรักษ์ไว้เพียงเพื่อหลอกบุคคลภายนอกให้ดูดี แต่แท้จริงเป็นเพียงการใช้คำพูดที่ตลบตะแลงว่า “ไม่เอาแต่จะอนุรักษ์ท่ามกลางควันไฟ ควันนรก ฝุ่นละออง น้ำเน่า น้ำเสีย เสียงเครื่องจักรที่กังวาน” ซึ่งจะทำให้ความเป็นมัสยิดเป็นบ้านของอัลลอฮ์สิ้นสุดลง ทำให้เสียงอาซาน เสียงละหมาด เสียงอ่านอัลกุรอาน เสียงสอนศาสนาหายไป อนาคตมัสยิดไม่ต่างอะไรกับศาลาริมรั้วริมทาง กลายเป็นมัสยิดร้าง นี่คือการทำลายศาสนาอิสลาม ทำลายบ้านของอัลลอฮ์ อย่างชัดเจน เป็นการดูถูกเหยียดหยาม ทำร้ายจิตใจพี่น้องมุสลิมทั่วโลก”
“เราไม่ยอมให้มีการย้ายโรงเรียนปอเนาะ อันสร้างมาจากทรัพย์สินวากัฟ และความร่วมมือร่วมใจบนความศรัทธาต่ออัลลอฮ์ (พระเจ้าของเรา) ของพี่น้องในพื้นที่ที่มอบให้อัลลอฮ์ และอัลลอฮ์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ ซึ่งอัลลอฮ์บัญญัติให้ทรัพย์สินวากัฟไม่มีสิทธิที่จะขาย แลกเปลี่ยน เป็นมรดกตกทอด หรือเป็นเจ้าของ โรงเรียนปอเนาะ และชุมชนต้องอยู่ด้วยกัน”
“ในสถานการณ์ที่ประชามติผ่านการรับรอง และรัฐบาลกำลังจะมีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การครอบงำของอิทธิพลของทุนถ่านหินต่ออำนาจรัฐ ทำให้รัฐบาล และ คสช.อาจดำเนินการอย่างผิดพลาดต่อกรณีการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินสกปรกเทพา ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์อันหนักแน่นของคนเทพา และคนชายแดนใต้ จึงได้จัดกิจกรรมการเดิน “สามัคคีคนคลองประดู่และคนชายแดนใต้ คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินทำลายประชาชน” ขึ้นในวันนี้ และเราคนคลองประดู่ และคนชายแดนใต้ขอยืนยันว่า “เราจะไม่ยอมให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาอย่างเด็ดขาด และเราขอประกาศว่าโรงเรียน ปอเนาะ มัสยิด กุโบร์ วัด และชุมชน ต้องอยู่ด้วยกัน แต่ไม่อยู่ร่วมกับถ่านหินแน่นอน”