“อเล็กซ์” มั่นใจ “บอย ปกรณ์” ไม่จีบ “เต้ย” บอกต่างฝ่ายไม่พร้อมเริ่มต้นใหม่ ยันสัมพันธ์ไม่เคยแย่ลง เป็นเรื่องที่คนภายนอกไม่มีวันเข้าใจ โต้ทำร้ายจิตใจฝ่ายหญิงเปลี่ยนสรรพนามเรียกพี่ ห้ามไม่ได้ถ้าจะมีหนุ่มเข้ามาจีบ ปัดตอบคิดถึง ลั่นไม่อยากประกาศผ่านสื่อ อยากบอกด้วยตัวเอง ขอเก็บความรู้สึกเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างคนสองคน
สนิทสนมกับ “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” เอามาก ๆ แต่ล่าสุดมีกระแสลือว่า หนุ่มบอยแอบจีบ “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ” แฟนเก่า “อเล็กซ์ เรนเดล” ล่าสุด หนุ่มอเล็กซ์ ชี้แจงระหว่างมาร่วมงานฉลองครบรอบ 70 ปีของเวสป้า 70 Years of Vespa และชวนทำความดีสานต่อโครงการ Help Save One Life by Giving a Kid a Helmet มั่นใจไม่ใช่บอยที่จีบเต้ยแน่นอน
“ไม่จริงครับ 100% พี่บอย ไม่ใช่ครับ ไม่จำเป็นต้องคุยกับ จริง ๆ ผมคุยกับพี่บอยเป็นประจำอยู่แล้ว เจอกันเป็นประจำอยู่แล้ว ท็อปปิกนี้ไม่เคยมีการพูดขึ้นมาในการสนทนาของเราทั้งสองคนเลยครับ แม้กระทั่งกับเต้ยก็ไม่มีครับ ก็ไม่ได้กระทบอะไรผมเท่าไหร่ ผมรู้ความจริงว่าอะไรคืออะไรครับ”
“กับเต้ยตอนนี้ก็เหมือนเดิมครับก็คุยกันอยู่ทุกวันมีอะไรก็ปรึกษากัน เหมือนก่อนหน้านี้เลยครับ ยังมีอะไรก็คุยกัน ปกติไม่ได้แตกต่างอะไรมากในเรื่องงาน ความสัมพันธ์ไม่เคยแย่ครับ มันก็คงที่ของมันอยู่อย่างนั้นครับ”
บอกคนนอกไม่มีวันเข้าใจ แต่ขอบคุณทุกแรงเชียร์ ชี้เชียร์ดีกว่าสะใจ
“ผมคิดว่าสิ่งที่คนอื่น หรือคนที่ไม่ใช่เราสองคนพูด ยังไงเขาก็ไม่มีทางมาเข้าใจ เรื่องของเราสองคนแน่นอนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไอ้คำพูดพวกนี้ก็ขอบคุณ คนเชียร์ดีกว่าคนสะใจ ถึงเวลาแล้วถ้ามีอะไรที่มันชัดเจนกว่านี้ก็จะบอก แต่ว่า ณ ตอนนี้ต่างคนก็ต่างทำงาน ก็ยังเหมือนเดิม เราก็ยังเป็นเพื่อน ที่ดีมาก ๆ อันนี้ย้ำเลยครับ เป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ ฉะนั้นเลยไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเท่าไหร่ ไม่ได้คิดถึงคำพูดของคนอื่นเท่าไหร่ครับ”
ปัดทำร้ายจิตใจ “เต้ย” เปลี่ยนสรรพนามเรียก “พี่”
“ไม่ได้ทำร้ายจิตใจ เรียกพี่เต้ยมาจากคำว่าพอเราอยู่ค่ายอยู่กับเด็ก ๆ เขาก็จะเรียกพี่เต้ย และผม พี่อเล็กซ์ แล้ววันนั้นก็เพิ่งจะเดินออกมาจากการที่คุยกับเด็ก ๆ เลยเรียกพี่เต้ย ปกติแล้วผมจะเรียกเขาว่าคุณเขาก็จะเรียกผมว่าคุณแต่วันนั้นพูดต่อหน้าเด็ก เหมือนเราให้เกียรติเขาต่อหน้าเด็กมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับวิธีการพูด ผมไม่ได้อ่านข่าวครับเลยไม่ได้รู้ว่ากระแสมันเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็ยังเรียกคุณเหมือนเดิมครับ”
ห้ามไม่ได้ถ้าจะมีหนุ่มเข้ามาจีบ เชื่อตนและเต้ยยังไม่พร้อมต้นใหม่เร็วเกินไป
“อันนั้นผมคงห้ามอะไรไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าทั้งผมและเต้ยไม่ได้พร้อมที่จะเริ่มอะไรเร็วขนาดนั้น และคิดว่าเราทั้งคู่ก็น่าจะแข็งแกร่งด้วยข้างในของตัวเราเอง เราก็คบกันมานานถ้ามีใหม่ผมคิดว่าสถานการณ์หรือความคิดของเราทั้งสองคนไม่ได้เป็นอย่างนั้นครับผมเชื่อว่าอย่างนั้นครับ”
“คือไม่ใช้คำว่าหวงหรอกครับ แต่คิดว่าเขาคงไม่ ยังไงผมก็ยังมั่นใจว่ายังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ผมเองก็ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเลยครับ”
บอกรอกลับมารักกันเป็นแค่ละคร แต่ยอมรับรอวันนั้นอยู่
“อันนั้นเหมือนในละครเลยครับ ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ผมคิดว่าอย่างตอนนี้ผมกำลังจะปิดเรื่องหนึ่งเขาเองก็เพิ่งปิดละครไปเรื่องหนึ่ง เราได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวของแต่ละคนบ้างและได้คิดได้อยู่กับตัวเอง ได้หายใจได้พักผ่อน ผมไม่รู้ว่าพอถึงตอนนั้นแล้วมันจะเป็นยังไง ผมกำลังรอวันนั้นอยู่ จากนี้ไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนผมมีงานทุกวันเลยครับ”
“เขาเนื้อหอมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ก็เลยไม่ได้กระทบอะไรผมเท่าไหร่ ก็เป็นห่วงเขาแล้วกันครับ ไม่ได้หวง ก็เป็นห่วงแต่ผมเชื่อว่าว่าเขาเป็นคนที่แข็งแรง พูดอะไรก็พูดตรง ๆ เลยคิดว่าเขาน่าจะดูแลตัวเขาเองได้”
“เรื่องเปิดใจใหม่ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ผมคิดว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เราไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ เมื่อตอนเด็ก ๆ ผมอยากที่จะเป็นตำรวจ ทุกวันนี้ผมมาทำเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นวันเวลามันจะทำให้คนเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปเรื่อย ๆ และไม่สามารถจะตอบล่วงหน้าได้จริง ๆ ครับ ตอบไปมันก็ไม่มีอะไรโยชน์อะไรครับ ตอบไปก็มีแต่สร้างข่าวให้ตัวเองเปล่า ๆ ทำให้คนเข้าใจผิด ผมไม่ได้ต้องการตรงนั้นครับ ผมต้องการที่จะใช้ชีวิตธรรมชาติ และให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นด้วยความเป็นจริงของมันครับ”
มั่นใจตนไม่มีเวลาใคร บอกอยากเจอเต้ย คิดถึงมั้ยไม่ขอบอกผ่านสื่อ อยากบอกด้วยตัวเอง
“ผมไม่มีเวลาครับ ผมขอเจอคุณพ่อคุณแม่แค่นี้ผมก็บุญมากแล้วครับ ผมอยากเจอเต้ยด้วยบอกตามตรงครับ เพราะเราก็ไม่ได้เจอกันตั้งแต่งานวันนั้น เราก็อยากที่จะเจอบ้างอะไรอย่างนี้”
“คิดถึงมั้ยก็ไม่รู้ คิดถึงไม่คิดถึงเดี๋ยวผมบอกเขาเองได้ ไม่ต้องบอกทางนี้ก็ได้ครับ เห็นมั้ยผมพูดแล้วเดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก ไม่รู้ คิดว่าต้องพูดน้อยแล้วเรา”
“เรื่องนัดกันก็ไม่มีเลยครับ แล้วออฟฟิศของเราก็อยู่ที่เดียวกันอยู่แล้ว เราเข้าในวันที่เขาถ่ายละคร เขาก็เข้าในวันที่ผมถ่ายละคร แต่เราก็คุยปรึกษางานตัดสินใจร่วมกันภายในบริษัทตลอดเวลา”
ขอเก็บความรู้สึกเป็นแค่เรื่องคนสองคน คนนอกไม่มีวันเข้าใจ
“เรื่องของความรู้สึกผมขอเก็บเอาไว้เป็นเรื่องของคนสองคนดีกว่าครับ ชีวิตของเรามันหนักจริง ๆ ครับ ถ้าไม่ใช่คนที่มาอยู่ในสถานการณ์ของเราทั้งสองคนจะไม่สามารถเข้าใจได้จริง ๆ ว่า เราทำงานแล้วมันดึงชีวิตส่วนตัวดึงวิญญาณทุกสิ่งทุกอย่างของเราออกไป เพราะฉะนั้นมันยังไม่มีเวลาคิดถึงตัวเองเลยครับอย่าว่าแต่คิดถึงคนอื่นเลยครับ”