กระบี่ - รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ปล่อยแถวชุดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลนที่ถูกบุกรุกใน จ.กระบี รวมพื้นที่เป้าหมายกว่า 1 หมื่นไร่ โดยวันแรกเข้ายึดบ่อเลี้ยงกุ้งบุกรุกป่าชายเลน เนื้อที่กว่า 200 ไร่ เป็นของอดีตนักการเมืองชื่อดัง ส.เสือ รวมอยู่ด้วย ขณะที่คนดูแลพื้นที่อ้างมี ส.ค.1 และโฉนด รวมประมาณ 40 ไร่ เจ้าหน้ายึดพื้นที่เตรียมตรวจสอบที่มาเอกสารสิทธิ
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธานเปิดการปฏิบัติการพลิกฟื้นผืนป่าชายเลน จ.กระบี่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยเฉพาะการบุกรุกป่าชายเลน โดยได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 26 ทหาร ตำรวจ ป่าไม้ อุทยานฯ รวมจำนวนกว่า 200 นาย แบ่งออกเป็น 6 ชุด ออกปฏิบัติการในพื้นที่เป้าหมาย 120 แปลง เนื้อที่ 10,868 ไร่ แต่จะดำเนินการ จำนวน 30 แปลง ในช่วงวันที่ 28 และ 29 มิถุนายน รวมพื้นที่ 2,561 ไร่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกไป 6 ชุด โดยทาง นายศักดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ป่าชายเลน ม.4 ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ เป็นบ่อเลี้ยงกุ้งขนาดใหญ่ จำนวนกว่า 20 บ่อ รวมเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ มีการสร้างบ้านพักคนงานรวม 4-5 หลัง แต่ไม่พบคนงาน พบเพียงผู้จัดการบ่อกุ้งซึ่งได้ออกมาชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็น ภบท.5 และมีเอกสารสิทธิ เป็น ส.ค.1 เนื้อที่ 16 ไร่ โฉนดที่ดิน 16 ไร่ ส่วนที่เหลือไม่สามารถชี้แจงได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดพื้นที่
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า พื้นที่บ่อเลี้ยงกุ้งแปลงดังกล่าวจากการตรวจสอบพบว่า อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองจิหลาด และเป็นป่าชายเลนที่ขึ้นทะเบียนเป็นตามพระราชกฤษฎีกาป่าคุ้มครอง เมื่อปี 2494 แต่ ส.ค.1 ออกเมื่อปี 2498 ส่วนโฉนดออกเมื่อปี 2549 จากการเดินสำรวจ ซึ่งเอกสารสิทธิทั้ง 2 ฉบับ ออกหลังขึ้นทะเบียนฯ เข้าข่ายออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ หลังจากนี้จะทำการรังวัดแนวเขต และยึดพื้นที่คืน ตามที่สอบถามผู้จัดการบ่อเลี้ยงกุ้งทราบว่า เป็นของนายทุน3 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีอดีตนักการเมืองระดับชาติ ชื่อย่อ ส.เสือ รวมอยู่ด้วย โดยได้ซื้อที่ดินต่อมาอีกทอดหนึ่งแล้วให้เช่าทำบ่อเลี้ยงกุ้ง
รองอธิบดีกรมทัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกในพื้นที่ จ.กระบี่ ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เพราะทางกรมทรัพยากรทางทะเลฯ ไม่รู้มาก่อนว่าพื้นที่เป็นใคร เป็นการตรวจสอบตามแผนที่ภาพถ่ายโดยรวม ซึ่งพบว่าในพื้นที่บุกรุกมีการนำไปสร้างท่าเรือยอชต์ นากุ้ง และปลูกพืชผลทางการเกษตร ส่วนแปลงมีการอ้างเอกสารสิทธิได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ และประสานไปยังสำนักงานที่ดินของแต่ละพื้นที่ ว่า เป็นการออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดก็จะต้องเสนอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิดังกล่าว ส่วนพื้นที่ที่ยึดคืนจะทำการปลูกป่าฟื้นฟูป่าชายเลนต่อไป