ตราด - รองอธิบดีกรมทรัพย์ฯ ลุยยึดพื้นที่ป่าชายเลน วันที่ 2 เข้าตรวจที่ดินท่าจอดเรือยอชต์ ตระกูลเจียรวนนท์ พร้อมนำเอกสารไปตรวจสอบ อีกรายเป็นพื้นที่นากุ้ง ต้องพังประตูเข้าตรวจ พบขุดคันดินกั้นน้ำทะเลทำป่าแสมตาย บอกเป็นที่ป่าสงวน ชาวบ้านยื่นโฉนดแสดงสิทธิโดยชอบรอตรวจสอบอีกราย
วันนี้ (27 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. นายศักดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (จ.ระยอง) พร้อมด้วย นายกฤษณะ อยู่สุข นายอำเภอเขาสมิง พ.ต.อ.จำลอง บำรุงศิลป์ ผกก.เขาสมิง และกำลังทหารเรือจากชุดประสานงานประจำพื้นที่ กองทัพเรือที่ 10 และ 11 (ชปท.ทร.ที่ 10, 11) กอ.รมน.ตราด ตำรวจตะเวนชายแดนที่ 116 นายไตรรัตน์ เรือนงาม หัวหน้าสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 4 (น้ำเชี่ยว) รวมกำลังทั้งหมดกว่า 100 คน เดินทางจากศูนย์ฝึกอบรมและประสานงานเครื่อข่ายที่ 1 บ้านด่านเก่า ต.วังกระแจะ อ.เมืองจ.ตราด เข้าไปยังบ้านอ่างกระป่อง ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด ไปยังบ้านเลขที่ 79 หมู่ 4 ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด
โดย นายไตรรัตน์ เรือนงาม ได้นำหมายค้นที่ออกโดยศาล จ.ตราด เลขที่ 20/2559 ออกเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2559 เพื่อยึดสิ่งของที่จะเป็นพยานหลักฐานเพื่อจะนำไปไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณาพื้นที่ป่า ซึ่งเมื่อเดินทางเข้าไปภายในบ้าน นายอนันต์ สว่างไสว หรือทิง พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลบ้านได้ออกมาต้อนรับ และนำหลักฐานที่เป็นโฉนด และ น.ส. 3 ก. จำนวน 6 ใบ มาแสดงว่าที่ดินอยู่ในเอกสารสิทธิถูกต้อง และยอมรับว่า เป็นผู้ดูแลบ้าน และท่าเรือแห่งนี้ทั้งหมด
นายศักดา ได้ชี้แจงให้ทราบถึงการเดินทางมาครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมา ทางกรมทรัพย์ฯ ได้เข้าตรวจสอบบ้านเร่ร่อนในบริเวณนี้ที่มีการปลูกสร้างในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และถูกกล่าวหาว่า แล้วบ้านหลังที่เดินทางมานี้ทำไมไม่เข้ามาตรวจสอบสอบ ทำให้ทางกรมทรัพย์ฯ ต้องเดินทางมาตรวจสอบหลักฐาน ซึ่งยืนยันว่า บ้านหลังนี้ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่หากมีการนำหลักฐานมาแสดงว่ามีการออกเอกสารสิทธิที่ถูกต้องก็ต้องนำมายืนยัน และมาสู้กันว่าใครถูกต้อง และการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่
นายอนันต์ กล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้มีเอกสารสิทธิที่เป็นโฉนด และ น.ส.3 และซื้อจากชาวบ้านมานานกว่า 20 ปี มีทั้งบ้าน และท่าเรือ ท่าต่อเรือ ที่ได้รับการขออนุญาตจากกรมเจ้าท่าอย่างถูกต้อง ซึ่งยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ ถูกทางเจ้าท่าจับกุมเนื่องจากไม่ทราบว่าอาณาเขตของที่ดินเป็นอย่างไร รวมทั้งมีที่ดินหัวไร่ปลายนา และได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งถูกปรับไปแล้วด้วย โดยในขณะนี้ได้เช่าพื้นที่ของเจ้าท่าดำเนินการอยู่ และทำมานานกว่า 15 ปีแล้ว
“เรื่องที่ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นของ คุณจรัล เจียรวนนท์ นั้นไม่ใช่ทั้งหมด มีทั้งของผม และของคนอื่นหลายคน คุณจรัล มีเรือสำราญที่นำมาฝากไว้ เวลาเดินทางมาพักผ่อนซึ่งจะออกเรือไป แต่นานๆครั้งจะเดินทางมาไม่บ่อยนัก ยอมรับว่า เราซื้อที่ดินริมคลอง ริมแม่น้ำ และมีป่า ย่อมมีบางส่วนที่เป็นป่าอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เกี่ยวข้องต่อ นายจรัล แต่ประการใด”
สำหรับบ้านหลังนี้ มีพื้นที่ติดแม่น้ำเวฬุ และมีท่าเรือจอดเรือสำราญ และเรือยอชต์ที่สามารถจอดได้กว่า 10 ลำ โดยท่าเรือได้ทำเป็นสี่เหลี่ยม และภายในสามารถกั้นคลื่นได้ บริเวณบ้านยังมีอู่ต่อเรือ และสนามจอดเฮลิคอปเตอร์ โรงไม้ และสิ่งปลูกสร้างอีกจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เอกสารสิทธิที่ นายอนันต์ สว่างไสว มามอบให้แก่นายศักดา วิเชียรศิลป์ นั้น ประกอบด้วย ที่ดิน 6 แปลง 5 แปลง เป็นชื่อของคุณหญิงเอื้อปราณี เจียรวนนท์ อยู่บ้านที่ซอยอินทรามระ 21 แยก 1 ขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ มีพื้นที่รวม 32 ไร่ 294 ตารางวา และอีกแปลงเป็น น.ส.3 ก. ของนางวาสนา ทรัพย์ปาน จำนวน 4 ไร่ 2 งาน อยู่ที่ ต.ดงพระราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
จากนั้น นายวิศเวศ มนัสสนิท กำนันตำบลท่าโสม และนายอำเภอเขาสมิง นำคณะของรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เดินทางไปยังนากุ้งหลายแปลงที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าโสม โดยเมื่อเดินทางเข้าไปต้องผ่านสวนยางพารา และมีประตูเหล็กกั้น และป้ายติดว่าห้ามเข้า ทำให้ทหารนาวิกโยธินที่เดินทางมาด้วยต้องใช้ค้อนทุบกุญแจ และโยกเสาให้ออกอยู่นานจึงสามารถเดินทางเข้าไปได้
พบว่า ในพื้นที่มีการขุดบ่อดินทำนากุ้งอยู่นับ 10 บ่อ และบางบ่อได้ขุดดินปิดกั้นน้ำทะเลไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ป่า ส่งผลให้ต้นไม้แสมตายจำนวนมาก ซึ่งนายศักดา วิเชียรศิลป์ ระบุว่า เป็นวิธีการของผู้รู้ที่สามารถบุกรุกสามารถำลายป่าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ นายไตรรัตน์ เรือนงาม นำรถแบ็กโฮมาขุดคันบ่อให้น้ำทะเลสามารถไหลเข้ามาได้ สภาพพื้นที่ป่าก็จะฟื้นกลับมาได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลานาน หากปลูกได้ก็จะเร็วมากขึ้น
ต่อมา น.ส.กัลยารัตน์ จาวินัส ลูกสาวของ นายยุพา จาวินัส ได้นำเอกสารสิทธิที่เป็นโฉนดหลังแดง จำนวน 8 แปลง รวม 86 ไร่ 2 งาน 73 ตารางวา มาแสดงให้แก่ นายศักดา วิเชียรศิลป์ ซึ่งนางกัลยารัตน์ ได้บอกว่า ยังมีเอกสารอีกบางส่วน ซึ่งพร้อมที่จะต่อสู้เนื่องจากได้ครอบครองที่ดินมาก่อนที่จะมีประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และไม่กลัวว่าจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย
ทั้งนี้ นายศุกดา ได้ชี้แจงว่า ในเบื้องต้น จะยอมรับว่าเป็นเอกสารจริง แต่การได้มาต้องตรวจสอบเพราะที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าท่าโสม และหากตรวจสอบแล้วว่าออกเกิน และอยู่ในพื้นที่ป่าต้องดำเนินคดี
นายศักดา กล่าวว่า การที่ต้องมาตรวจสอบครั้งนี้ก็เพราะเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบการบุกรุกป่าของประชาชนใน ต.ท่าโสม และพบว่า มีการชี้ว่า บ้านหลังที่มีท่าเรืออยู่ทำไมไม่เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ทางกรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ และตนเองออกมาดำเนินการแล้วใน 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งบ้านหลังนี้ และท่าเรือยอร์ชหากถูกต้องก็จบไป แต่หากอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น ซึ่งเอกสารสิทธิที่นำมาแสดงในครั้งนี้จะต้องถูกตรวจสอบโดยละเอียด และต้องให้ความเป็นธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย ส่วนเรื่องการได้มาซึ่งที่ดินนั้น ผู้มีเงินสามารถซื้อต่อจากประชาชนที่ครอบครองได้เป็นสิทธิ แต่การได้มาซึ่งเอกสารสิทธิหากไม่ถูกต้องก็จะต้องถูกเพิกถอน และผู้ที่ออกให้ก็ต้องมีส่วนในความรับผิดชอบนั้นด้วย
รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวอีกว่า ในส่วนของท่าเรือนั้นทางกรมฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องให้เจ้าท่าเป็นผู้ดำเนินการไป ทั้งนี้ ขณะที่คดีนี้ไม่ได้หนักใจใดๆ เพราะทางกรมฯ ได้ทำตามหน้าที่ และตามอำนาจที่มีอยู่ผู้ที่ถูกกล่าวหาสามารถต่อสู้เพื่อสิทธิของเขาได้ แต่ทางกรมฯ ก็มีหลักฐานที่สามารถนำมาต่อสู้กันได้
ทางด้าน นายกฤษณะ กล่าวว่า ในขณะนี้จะต้องมีการตรวจสอบว่าเอกสารสิทธิที่ดินที่ได้มาของเอกชนได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ต้องถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย
สำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการพลิกพื้นคืนป่าชายเลน จ.ตราด ปี 2559 ระหว่างวันที่ 26-28 เมษายน 2559 ในวันที่ 2 สามารถจับกุมผู้บุกรุกได้ จำนวน 3 ราย จำนวนคดี 8 คดี และนำที่ดินป่าที่มีการบุกรุกคืนมา 220 ไร่ ซึ่งปฏิบัติการจะสรุปผลทั้งหมดในวันที่ 28 เมษายน 2559 นี้