ยะลา - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เผยคนร้ายยังคงมุ่งหวังก่อเหตุ ด้านเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้หลงผิดรายงานตัวต่อทางการ เพื่อร่วมปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนกับครอบครัว
วันนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ ที่บริเวณถนนระหว่างข้างกำแพงโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก และฐานปฏิบัติการหมวดเฉพาะกิจ นปพ.นราธิวาส 33 ซึ่งตั้งอยู่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.10 น.ของวันที่ 26 มิ.ย.59 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยว่า ในห้วงนี้ซึ่งเข้าสู่ห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน หรือที่เรียกว่าช่วงเอี๊ยะตีก๊าฟ ที่พี่น้องชาวไทยมุสลิมจะต้องประกอบศาสนกิจอย่างเคร่งครัดมากที่สุด แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังคงพยายามในการสร้างสถานการณ์หลายรูปแบบ ในหลายพื้นที่ ทั้งการลอบยิง ลอบวางระเบิดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เป็นไปตามความเชื่อที่ถูกบิดเบือน ว่า ถ้าสร้างสถานการณ์ในช่วงนี้จะได้ผลบุญมากยิ่งขึ้น สำหรับเหตุการณ์ที่สำคัญที่ผ่านมาคือ เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวานที่ผ่านมา รวมทั้งลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมา การลอบยิงผู้นำศาสนาในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี การลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนร้ายมีความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ตามความเชื่อที่ถูกบิดเบือนมาอย่างต่อเนื่อง
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทาง พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งรัดคดีอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะกรณีสุไหงโก-ลก ที่พบความเชื่อมโยงของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ ท่านแม่ทัพภาค 4 ยังได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการในการควบคุมพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เมืองเศรษฐกิจ เพื่อให้พื้นที่มีความปลอดภัย พี่น้องชาวไทยมุสลิมสามารถประกอบศาสนกิจได้อย่างเต็มที่ ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำในการดูแลชุมชนล่อแหลม เป้าหมายอ่อนแอให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนร้ายได้ก่อเหตุลอบทำร้ายโต๊ะอิหม่าม ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุอาจจะนำมาเป็นข้ออ้างในการทำร้ายต่อเป้าหมายอ่อนแอต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การบังคับใช้กฎหมาย ที่ท่านแม่ทัพเน้นย้ำให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อที่จะนำผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่เห็นต่างจากรัฐ หรือผู้ที่หลงผิดที่ยังคงก่อเหตุอยู่ในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังคงต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐเองก็ยังคงเปิดโอกาสให้สำหรับผู้เห็นต่าง ที่มีหมายจับ สามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมทางศาสนากับครอบครัวได้ แต่ต้องเข้ามารายงานตัวตามโครงการพาคนกลับบ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้แก่ทุกคนที่เข้ารายงานตัวต่อทางการ