ยะลา - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมแถลงข่าวโครงการ “หลอมรวมใจคนไทยทั้งชาติ อุปสมบทภิกษุเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ประจำปี 2559 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พล.ท.ธนะ เชียงทอง ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการโครงการพระราชดำริ นายจำนัล เหมือนดำ รองเลขาธิการ ศอ.บต. นายกันต์พงษ์ ลิ่มกาญจนา ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา นายสัญญา สุวรรณโพธิ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา
ได้ร่วมกันแถลงข่าวเตรียมจัดโครงการ “หลอมรวมใจคนไทยทั้งชาติ อุปสมบทภิกษุเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ประจำปี 2559 เพื่อเป็นการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้บวช และจำพรรษาในวัด/สำนักสงฆ์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธในพื้นที่ และเป็นโอกาสร่วมกันสร้างกุศลดังกล่าว
พล.ท.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้มีดำริให้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙
และเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เพื่อจำพรรษาในวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาไม่ครบในช่วงเข้าพรรษาเป็นการเสริมสร้างศาสนทายาท และทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้เจริญสถาพรในพื้นที่สืบไป
โดยกำหนดจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นในพื้นที่ จ.ยะลา โดยจะมีพิธีปลงผมนาค ณ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง ในวันที่ 6 ก.ค.59 และพิธีอุปสมบทธรรมยุต ณ วัดยะลาธรรมาราม จำนวน 6 รูป ในวันที่ 7 ก.ค.59 พิธีอุปสมบทมหานิกาย ณ วัดพุทธภูมิพระอารามหลวง จำนวน 12 รูป ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมในพิธีดังกล่าวนี้ และได้ร่วมอนุโมทนาบุญเพื่อสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
และได้เชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาในห้วงนี้ และห้วงเข้าพรรษา นับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.นี้ เพื่อให้เกิดกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และแก่ตนเอง รวมทั้งอุทิศให้บุพการี และเจ้ากรรมนายเวรโดยพร้อมเพรียง และขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้
พร้อมทั้งขอให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์กิจกรรมอันเป็นการสร้างกุศลเพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่รับทราบข่าวสารการจัดงานในครั้งนี้อย่างแพร่หลายต่อไป