ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านขุนตัดหวาย ใน อ.จะนะ จ.สงขลา จำนวนหนึ่งเข้ายื่นหนังสือต่อผู้สื่อข่าวเรียกร้องจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าชีวมวล หลังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบ
วานนี้ (20 มิ.ย.) ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบเข้าร้องเรียนต่อสื่อ MGR ภาคใต้ เนื่องจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัท สงขลา ไบโอ แมส จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ขุนตัดหวาย อ.จะนะ จ.สงขลา โดยหลังจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าดังกล่าวเกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้านในชุมชน ตลอดจนสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้รับผลกระทบเสียหายอย่างมาก ทั้งในเรื่องของมลพิษทางเสียงที่มีเสียงดังอย่างมาก เรื่องฝุ่น ควัน และกลิ่นที่ฟุ้งกระจายทั่วพื้นที่บริเวณชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้า ส่งผลต่อสุขภาพ และการดำเนินชีวิตประจำวันของชาวบ้านเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังมีการลักลอบปล่อยน้ำเสียทิ้ง ส่งผลให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ กลุ่มชาวบ้าน ต.ขุนตัดหวาย ได้เฝ้าติดตามการดำเนินการของโรงไฟฟ้าดังกล่าวมาโดยตลอด และมีข้อสงสัยว่า โรงไฟฟ้าดังกล่าวจะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า 9.9 เมกะวัตต์ จริงหรือไม่ หรือมีการผลิตเกินเป็น 10 เมกะวัตต์หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา โรงงานดังกล่าวมีการหลีกเลี่ยงกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่กำหนดให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตติดตั้ง 10 เมกะวัตต์ขึ้นไป จะต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยโรงงานดังกล่าวได้ยื่นขออนุญาตไว้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพียง 9.9 เมกะวัตต์ เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายที่จะต้องทำอีไอเอหรือไม่
ด้วยความเดือดร้อน และข้อสงสัยของชาวบ้านในชุมชนดังที่กล่าวมาข้างต้น ชาวบ้านจึงขอร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบการดำเนินการของโรงไฟฟ้าดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในชีวิต สุขภาพ และอนามัยของชาวบ้านทุกคน ตลอดจนสภาพแวดล้อมโดยรอบบริเวณโรงไฟฟ้าดังกล่าวโดยเร่งด่วน
ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านยังได้นำเรื่องร้องเรียนนี้ไปยื่นต่อหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา พลังงานจังหวัดสงขลา ทรัพยากรจังหวัดสงขลา สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงพลังงาน ตลอดจนศาลปกครองจังหวัดสงขลา เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป
โดยชาวบ้านยังได้ชี้แจงถึงปัญหา และผลกระทบที่ได้รับจากการมีโรงไฟฟ้าที่ 1 ในพื้นที่ ต.ขุนตัดหวาย ดังนี้
1.ปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศ
1.1 ปัญหากลิ่นจากเศษไม้ที่นำมาตากแดดให้แห้งก่อนนำไปใช้งาน มีกองไม้วางตากแดดไว้บริเวณด้านข้างโรงไฟฟ้า ซึ่งเศษไม้ดังกล่าวมีปริมาณค่อนข้างมาก ส่งกลิ่นรบกวน ทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเกิดอาการแสบจมูกเมื่อได้สูดดม ข้อมูลจากการพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ขุนตัดหวาย ที่พักอาศัยห่างจากโรงไฟฟ้าประมาณ 1 กิโลเมตร พบว่า ในแต่ละวันจะได้กลิ่นเหม็นคล้ายๆ กับกลิ่นน้ำส้มควันไม้ โดยเฉพาะเวลามีลมพัดแรงทำให้เกิดอาการแสบคอ
1.2 ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ฝุ่นละอองจำนวนมากทำให้ชาวบ้านหายใจติดขัด มีกลิ่นควันเผาไหม้มากเป็นพิเศษในช่วงวันที่ฟ้ามืดครึ้ม และในเวลากลางคืน กลุ่มผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และเด็กเล็กเริ่มมีอาการไอเรื้อรัง
2.มลพิษทางระบบนิเวศ
2.1 ปัญหาน้ำเน่าเสีย แหล่งน้ำในหมู่บ้าน (คลองสา) เริ่มมีคราบสกปรกปกคลุมเช่นกัน คราบดังกล่าวมีลักษณะคล้ายๆ กับคราบน้ำมันปกคลุมผิวน้ำ ในบริเวณใกล้เคียงโรงไฟฟ้า ซึ่งแหล่งน้ำดังกล่าวจะเป็นแหล่งรวมของสัตว์นานาชนิด ชาวขุนตัดหวายและพื้นที่ใกล้เคียงนิยมจับปลาเป็นการบริโภค แต่หลังจากโรงไฟฟ้าเดินเครื่อง ปัญหาสะสมของคราบสกปรกเริ่มส่งผลต่อระบบนิเวศน์ ทำให้สัตว์น้ำไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
2.2 ปัญหาการใช้น้ำ ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้น้ำบาดาล และน้ำบ่อในการอุปโภคบริโภค จึงไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำเหมือนบางพื้นที่ แต่ปัจจุบันโรงไฟฟ้าโรงที่ 1 ประสบปัญหาเรื่องน้ำใช้ขาดแคลน จึงมีการขุดเจาะน้ำใต้ดินมาใช้ประโยชน์ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงกังวลว่า ในอนาคตอันใกล้ ชาวบ้านอาจต้องซื้อน้ำใช้เช่นเดียวกับหลายๆ พื้นที่ก็เป็นได้
3.ปัญหามลพิษทางเสียง
ข้อมูลจกการสอบถาม และพูดคุยกับชาวบ้าน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 มีบ้านพักอาศัยห่างจากโรงไฟฟ้า ระยะทางไม่เกิน 1 กิโลเมตร
กลุ่มที่ 2 มีบ้านพักอาศัยห่างจากโรงไฟฟ้า ระยะทางไม่เกิน 3 กิโลเมตร
กลุ่มที่ 3 มีบ้านพักอาศัยห่างจากโรงไฟฟ้า ระยะทางไม่เกิน 5 กิโลเมตร
จากการสุ่มตัวอย่างจากแต่ละกลุ่มๆ ละ 3-5 ครัวเรือน พบว่า
กลุ่มที่ 1 จะได้ยินเสียงเป็น 2 ลักษณะคือ
1.เสียงดังที่ได้ยินเป็นประจำ
2.เสียงดังมาก ความถี่ในการได้ยินน้อยกว่าข้อ 1. แต่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ทำให้นอนไม่หลับ หรือตกใจ สะดุ้งตื่นขึ้นมา และรอจนกว่าเสียงจะเงียบจึงสามารถนอนหลับต่อได้
กลุ่มที่ 2 และ 3 ได้รับผลกระทบทางด้านเสียงเช่นกันในความถี่ และความรุนแรงที่น้อยกว่า
