xs
xsm
sm
md
lg

วอนสังคมเข้าใจ! พ่อยันกักขัง-ลงโทษลูกเพราะดื้อ แถมต้องทำงานกลางคืนไร้คนดูแล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จนท.เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพเด็กหญิง-ชายสองพี่น้องในหาดใหญ่ ถูกพ่อกักขัง และทำร้ายร่างกาย พ่อยอมรับขัง และลงโทษจริงเพราะเด็กดื้อ และต้องออกไปทำงานในตอนกลางคืน วอนสังคมเข้าใจ จนท.นำตัวไปตรวจสารเสพติดแต่ไม่พบ พร้อมยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวนี้แล้ว

จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพเรื่องราวของ 2 พี่น้องชายหญิง อายุ 9 ปี และ 6 ปี ระบุว่า ถูกพ่อกักขังไว้ภายในบ้านเลขที่ 182/66 ซอย 7 ท่าเคียน เขตเทศบาลตำบลควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยังทำร้ายร่างกาย พร้อมกับโชว์ภาพรอยฟกช้ำที่ตัวเด็กเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และเข้าช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คน

ล่าสุด วันนี้ (16 มิ.ย.) พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผู้กำกับการ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมด้วย นายภัทรดนัย อุทัยรัตน์ ปลัดอำเภอหาดใหญ่ฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว พร้อมกับเชิญตัวผู้เป็นพ่อ มาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ สภ.หาดใหญ่
 

 
โดยผู้เป็นพ่อปฏิเสธว่า ไม่ได้กักขังทรมาน หรือทำทารุณกรรมลูกทั้ง 2 คนแต่อย่างใด แต่เหตุที่ต้องขังลูกเอาไว้ในบ้านเพราะความจำเป็น เนื่องจากตนต้องออกไปทำงานเป็น รปภ.ในตอนกลางคืน และไม่มีใครดูแลลูก เพราะเลิกรากับภรรยามาแล้ว 4 ปี โดยให้ลูกอยู่ในบ้านมา 2 ปี ส่วนเหตุที่ต้องตีลูกเพราะบางครั้งเด็กดื้อ และไม่ต้องการให้ออกไปนอกบ้านเวลากลางคืน แต่ยอมว่า บางครั้งก็มีการลงโทษรุนแรงเพราะเครียดสะสมจากเรื่องงาน

ทั้งนี้ ในช่วงเย็นระหว่างที่ตนไม่อยู่มีเจ้าของบ้านเช่า และเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ หลายคนมีน้ำใจช่วยมาดูแลลูก และเอาอาหารมาให้บ้าง และย้ำว่ าคนเป็นพ่อลูกก็คือหัวใจ แต่ตนไม่เข้าใจคนที่มาถ่ายรูปแล้วนำไปแชร์กันในสังคมออนไลน์นั้นต้องการอะไร เพราะหลังจากที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปทำให้ตนต้องเป็นจำเลยสังคม และเป็นคนใจดำทำร้ายลูกตัวเอง
 

 
ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันพูดคุย และทำความเข้าใจต่อผู้เป็นพ่อเกี่ยวกับการดูแลลูกทั้ง 2 คน โดยเฉพาะทำโทษเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก ก่อนที่จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งผลการตรวจก็ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังตรวจสภาพจิตใจด้วย และไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ ต่อผู้เป็นพ่อ

ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เดินทางไปพบเด็กทั้ง 2 คน ที่โรงเรียน เพื่อประเมินทั้งสภาพร่างกาย และจิตใจของเด็กว่าหวาดกลัว หรือต้องการความช่วยเหลือในด้านใดบ้าง เบื้องต้น ยังคงให้ทั้งพ่อและลูกอยู่ด้วยกันต่อไป และทางเจ้าหน้าที่จะเข้าไปเยี่ยมเยียน และติดตามสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้อย่างต่อเนื่อง
 

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น