ตรัง - เจ้าของลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมัน ชาว ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ร้องเรียนขอความเป็นธรรม อ้างถูกกลุ่มตำรวจ สภ.ปะเหลียน ใช้ปืนยิง และรุมทำร้ายร่างกาย ระบุถูกรังแกโดยไม่มีเหตุผล
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายสมรัตน์ ทุ่มเกตุ อายุ 32 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัวลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมัน พร้อมด้วยบิดาคือ นายเกษม ทุ่มเกตุ อายุ 70 ปี และ น.ส.พันทิพา พิชัยรัตน์ อายุ 19 ปี ทั้งหมดอยู่บ้านเลขที่ 50 ม.2 ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ตรัง เพื่อขอความเป็นธรรมต่อผู้บังคับบัญชา พร้อมอ้างว่า ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะเหลียน จำนวน 6-7 นาย ใช้อาวุธปืนยิง และรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ
โดย นายสมรัตน์ กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 มิ.ย.59 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนนั่งซ้อน จยย.เพื่อน คือ นายวีรศักดิ์ หรือดำ ติ้นนุ้ย ออกจากสวนปาล์ม ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 11 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เพื่อมุ่งหน้าไปยังลานรับซื้อปาล์มซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ปรากฏว่า มีรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน ฆอ 6498 กท ซึ่งมีคนนั่งโดยสารมาด้วยประมาณ 6-7 คน ขับมาปาดหน้ารถ จยย.ของตน และเรียกให้หยุดจอด แต่ตนและเพื่อนไม่ยอมจอดพยายามขับหนีเพราะไม่ทราบเป็นใคร
จากนั้นรถกระบะคันดังกล่าวได้ขับไล่ตามมา พร้อมพยายามชนท้ายรถ จยย.ให้ล้ม เมื่อขับผ่านถนนภายในสวนยางพาราซึ่งถนนเป็นลักษณะตัวยู บุคคลที่นั่งอยู่ในรถกระบะได้วิ่งลงไปดักหน้ารถ จยย. จากนั้นคนหนึ่งในรถกระบะก็ใช้วิทยุสื่อสารปาใส่หน้า นายวีรศักดิ์ จนเสียหลักล้มลง ทำให้รถกระบะเบรกไม่อยู่จนมาชนกับรถ จยย.ของตน จากนั้น นายวีรศักดิ์ วิ่งหนี และตนก็วิ่งตาม จนได้ยินเสียงปืนดังตามหลังมา 3 นัด และตนก็ล้มลงจนทำให้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ทะเบียน กท.55311282 ซึ่งเป็นของ นายชำนาญ หนูวงศ์ ที่นำมาฝากไว้ และตนได้พกพาไปด้วยในวันเกิดเหตุตกลงกับพื้น ก่อนมีชายที่มากับรถกระบะเก็บไว้
หลังจากนั้น คนในรถกระบะได้ใส่กุญแจมือตน และได้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ทั้งเตะ ต่อย และ กระทืบ กระทั่งตนมาทราบภายหลังว่า คนกลุ่มนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.ปะเหลียน จ.ตรัง ก่อนนำตัวตนไปโรงพักเพื่อทำบันทึกการจับกุม แล้วนำตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ปะเหลียน และนำกลับมาควบคุมตัวที่ สภ.ปะเหลียน ก่อนได้รับการประกันตัวออกมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน จนต่อมา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.59 ตนรู้สึกปวดตามร่างกายจากการถูกทำร้าย ญาติจึงได้พาไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตรัง และแพทย์ให้นอนรักษาตัว 1 คืน จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
นายสมรัตน์ กล่าวว่า ตนอยากจะขอความเป็นธรรมต่อเรื่องนี้ ส่วนเหตุผลที่ถูกเรียกแล้วตนไม่ยอมจอดรถ จยย. เพราะไม่รู้จักกับชายกลุ่มดังกล่าว ก็ต้องหนีไว้ก่อนตามสัญชาตญาณ อีกอย่างรถกระบะก็ไม่ได้เป็นรถตำรวจ ชายทั้งหมดก็อยู่นอกเครื่องแบบ และมารุมทำร้ายตนเจ็บปางตาย จึงอยากขอให้ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะตนเป็นชาวบ้านธรรมดาแต่ถูกรังแกโดยไม่มีเหตุผล ส่วนอาวุธปืนที่พกพาก็ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถพูดจากันดีๆ ก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงไม้ลงมือกับตนถึงขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากญาติผู้เสียหายว่า หลังจากเกิดเรื่องมีบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายรายพยายามขอเจรจากับทางครอบครัว และบอกว่ามีหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะเอาผิดต่อผู้กระทำการในครั้งนี้
