กระบี่ - ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 กระบี่ ร่วมกับฝ่ายปกครอง จ.กระบี่ จับกุม 2 เอเยนต์ค้ายารับสงกรานต์ พร้อมของกลาง ยาบ้ากว่า 8,800 เม็ด อาวุธและเครื่องกระสุน รวมมูลค่าเกือบ 1 ล้านบาท เผยทั้ง 2 คน เคยถูกจับกุมคดีค้ายามาแล้ว และไปรู้จักกันในเรือนจำ จ.สงขลา หลังพ้นโทษกลับมาทำอีก ยกระดับเป็นเอเยนต์รายใหญ่ส่งขายเอง
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (8 เม.ย.) ที่กองร้อย ตชด.426 กระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ นายสุริยัน ณรงค์กูล นายอำเภอเมืองกระบี่ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ก้องภพ โพธิ์แสน ผบ.มว.(สบ 1) กก.ตชด.42 (ร้อย ตชด.426) ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ในจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย นายชาญณรงค์ หรือชาญ สังข์เอียด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.5 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ และนายสุภัค หรือพัด เสริมศักดิ์วรกุล อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/48 ถ.กันตัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง
พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 8,800 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 0.9 กรัม อาวุธปืนขนาด.38 มม. จำนวน 1 กระบอก กระสุน 13 นัด และ รถยนต์เก๋ง 1 คัน ยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน กท 7284 นครศรีธรรมราช โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านตลาดเก่า ถนนศรีพังงา ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง ต่อเนื่องที่บ้านพักคนงานสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ม.2 ต.ทับปริก อ.เมือง
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายชาญณรงค์ ผู้ต้องหารายแรกมีพฤติกรมเป็นเอเยนต์จำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ และพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านตลาดเก่าเมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าทำการตรวจค้น พบยาบ้าน จำนวน 800 เม็ด พร้อมอาวุธปืน สอบสวนขยายผลทราบว่า ของกลางอีกจำนวนหนึ่งอยู่ที่ นายสุภัค จึงได้ติดตามจับกุมตัวนายสุภัค ได้ที่บ้านพักคนงานสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ม.2 ต.ทับปริก พร้อมของกลางอีก 8,000 เม็ด คบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติด ประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อหาเพิ่มแก่ นายชาญณรงค์ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายฯ เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งเจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน ร.ต.อ.ก้องภพ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติด ขณะจำคุกในเรือนจำจังหวัดสงขลาก็ได้รู้จักกัน หลังพ้นโทษจึงได้ชักชวนกันมาเป็นเอเยนต์ค้ายา โดยนายชาญณรงค์ ได้ไปรับของกลางจากเพื่อนชื่อเอก อยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นก็นำมาส่งขายให้เอเยนต์รายย่อยในจังหวัดกระบี่ ซึ่งยาบ้าทั้งหมดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9 แสนบาท โดยทำมาแล้ว 1 ครั้ง หลังส่งของกลางเอเยนต์รายย่อยแล้วก็จะทยอยส่งเงินให้นายเอก ทุกวันครั้งละ 4 หมื่นบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลต่อไป
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (8 เม.ย.) ที่กองร้อย ตชด.426 กระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ นายสุริยัน ณรงค์กูล นายอำเภอเมืองกระบี่ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ก้องภพ โพธิ์แสน ผบ.มว.(สบ 1) กก.ตชด.42 (ร้อย ตชด.426) ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ในจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย นายชาญณรงค์ หรือชาญ สังข์เอียด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.5 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ และนายสุภัค หรือพัด เสริมศักดิ์วรกุล อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/48 ถ.กันตัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง
พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 8,800 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 0.9 กรัม อาวุธปืนขนาด.38 มม. จำนวน 1 กระบอก กระสุน 13 นัด และ รถยนต์เก๋ง 1 คัน ยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน กท 7284 นครศรีธรรมราช โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านตลาดเก่า ถนนศรีพังงา ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง ต่อเนื่องที่บ้านพักคนงานสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ม.2 ต.ทับปริก อ.เมือง
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายชาญณรงค์ ผู้ต้องหารายแรกมีพฤติกรมเป็นเอเยนต์จำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ และพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านตลาดเก่าเมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าทำการตรวจค้น พบยาบ้าน จำนวน 800 เม็ด พร้อมอาวุธปืน สอบสวนขยายผลทราบว่า ของกลางอีกจำนวนหนึ่งอยู่ที่ นายสุภัค จึงได้ติดตามจับกุมตัวนายสุภัค ได้ที่บ้านพักคนงานสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ม.2 ต.ทับปริก พร้อมของกลางอีก 8,000 เม็ด คบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติด ประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อหาเพิ่มแก่ นายชาญณรงค์ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายฯ เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งเจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน ร.ต.อ.ก้องภพ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติด ขณะจำคุกในเรือนจำจังหวัดสงขลาก็ได้รู้จักกัน หลังพ้นโทษจึงได้ชักชวนกันมาเป็นเอเยนต์ค้ายา โดยนายชาญณรงค์ ได้ไปรับของกลางจากเพื่อนชื่อเอก อยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นก็นำมาส่งขายให้เอเยนต์รายย่อยในจังหวัดกระบี่ ซึ่งยาบ้าทั้งหมดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 9 แสนบาท โดยทำมาแล้ว 1 ครั้ง หลังส่งของกลางเอเยนต์รายย่อยแล้วก็จะทยอยส่งเงินให้นายเอก ทุกวันครั้งละ 4 หมื่นบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลต่อไป
