ยะลา - คืบหน้า! หนุ่มยะลาประกาศขายภาพวาดราคา 88 ล้านบาท เจ้าตัวเผยหากขายได้จะนำเงินมาจัดตั้งมูลนิธิไม่หวังผลประโยชน์ ตั้งโรงทานช่วยเหลือคนยากจน และสนับสนุนช่วยเหลือมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ จ.ยะลา
วันนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลา ว่า จากกรณีที่ นายพินิจ แก้วคล้าย อายุ 38 ปี เจ้าของร้านประดับยนต์แห่งหนึ่งใน จ.ยะลา ได้ประกาศขายภาพวาดฝีมือตนเองทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งตั้งราคาสูงไว้ถึง 88 ล้านบาท และได้มีการนำเสนอข่าวจนเป็นที่ฮือฮาในสังคมไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ นายพินิจ เจ้าของภาพที่มีชื่อว่า “THE EYE OF LEGEND” หรือให้ชื่อภาพว่า ต้นกำเนิดของตำนาน ซึ่งเป็นภาพเขียนด้วยปากกาหมึกซึมลงบนกระดาษหนังไก่ ที่มีขนาดความกว้าง 20 นิ้ว ความยาว 27 นิ้ว ถูกใส่ด้วยกรอบไม้ มีกระจกใสปิดทับด้านหน้าของภาพวาด โดยได้สอบถามเพิ่มเติมว่า หากภาพวาดดังกล่าวขายได้จริงตามที่ตั้งใจไว้ จะนำเงิน จำนวน 88 ล้านบาท ไปทำอะไร
นายพินิจ แก้วคล้าย เปิดเผยว่า ตนเองได้ตั้งใจไว้นานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ประกอบอาชีพขายข้าวสารว่า หากมีเงินจะนำไปช่วยเหลือคนยากจนที่ไม่มีอันจะกิน เนื่องจากขณะที่ประกอบอาชีพขายข้าวสารนั้น พบเห็นผู้คน ลูกค้ามาซื้อข้าวสารที่มีฐานะยากจน บางคนมาซื้อข้าวสารครึ่งกิโลกรัม บางคนมาซื้อข้าวสาร 3 ขีด ซึ่งทำให้เกิดความสงสาร และมองเห็นถึงปัญหาชีวิต และความยากจนของผู้อื่นมาโดยตลอด
จึงอยากจะช่วยเหลือหากมีโอกาส ซึ่งตนเองเคยให้ความช่วยเหลือยายแก่คนหนึ่งที่มีฐานะยากจน ซึ่งถีบจักรยานผ่านร้านขายข้าวสารตนเองอยู่บ่อยๆ ตนจึงได้นำข้าวสารให้แก่ยายคนนั้นไปทุกครั้ง ครั้งละ 5 กิโลกรัม ซึ่งยายกินคนเดียว และข้าวสาร 5 กิโลกรัม ทำให้ยายกินได้นานมาก อีกหลายวันกว่าจะมารับข้าวสารไปใหม่อีกครั้ง
“โดยตนเองอยากตั้งโรงทานเพื่อช่วยเหลือคนยากจน คนไม่มีอันจะกิน ให้เขาได้มีข้าวกิน ซึ่งเป็นความตั้งใจมานานแล้ว และนำเงินไปช่วยเหลือคนยากคนจนคนอื่นๆ ที่ยังต้องการความช่วยเหลือ แต่ทั้งนี้ ตนเองก็จะทำคนเดียวไม่ได้หากทุกภาคส่วนไม่ร่วมมือกัน และหากไม่มีใครกล้าที่จะคิด หรือกล้าที่จะเริ่มต้นก็คงไม่มีความช่วยเหลืออย่างที่ตั้งใจไว้ นอกจากนี้ ก็จะนำเงินไปช่วยเหลือสนับสนุนซื้อรถกู้ภัยให้แก่มูลนิธิกู้ภัยใน จ.ยะลา เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่เคยพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ระเบิดกลางเมืองยะลา ก็เห็นได้ว่า รถกู้ชีพกู้ภัยมีไม่เพียงพอต่อความต้องการเมื่อเกิดเหตุ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ตนเองก็ตั้งใจไว้อย่างนี้ ” นายพินิจ กล่าว
เมื่อสอบถามว่า หลังจากที่เป็นข่าวไปแล้วมีผู้คนในสังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ตัว นายพินิจ เองมีความรู้สึกอย่างไร ซึ่ง นายพินิจ ก็ตอบว่า “ตนเองรู้สึกดีใจที่มีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ และเข้าไปดูข่าว ดูภาพวาดของตนเอง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะขายภาพดังกล่าวได้ ความสำเร็จอยู่ที่คนได้ดูภาพที่ตนเองได้วาดขึ้นมา นอกจากนี้ แม้กระแสทางสังคมจะบอกว่า ตนเองไม่ใช่ศิลปินที่มีชื่อเสียง ก็ยอมรับว่าไม่ได้มีชื่อเสียง แต่ศิลปินที่มีชื่อเสียงก็มาจากผู้ที่ไม่มีชื่อเสียงเช่นกัน เพราะฉะนั้น ตอนนี้คนดูข่าว และได้รู้จักตนเองมากขึ้น ก็คิดว่าตนเองคงมีชื่อเสียงแล้ว”
สุดท้ายจะมีภาพผลงานชิ้นต่อไปหรือไม่ นายพินิจ ตอบว่า “ผมขอให้ภาพนี้ขายได้เสียก่อนถึงจะมีผลงานชิ้นต่อไปที่ได้คิดไว้แล้ว แต่หากขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเมื่อผมอายุ 40 ปี ผมก็จะวาดภาพผลงานอีกชิ้น อายุ 50 ปี ก็จะวาดภาพอีก 1 ชิ้น และสุดท้ายคือ อายุ 60 ปี จะวาดภาพไว้เป็นชิ้นสุดท้ายอีก 1 ชิ้นให้แก่ลูกหลาน มันเป็นการวางแผนที่ผมคิดไว้นานแล้ว” นายพินิจ กล่าวในที่สุด