ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ฝนตกหนัก พายุพัดถล่มฝั่งอันดามัน ทั้งภูเก็ต กระบี่ และพังงา ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับความเสียหาย ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว และเรือหัวโทงที่กระบี่ต้องนำเรือหลบคลื่นลม ที่พังงา ต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าดับนานกว่า 2 ชั่วโมง ส่วนที่ภูเก็ต ลมกระโชกแรง ทำบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้าในหลายพื้นที่
วันนี้ (24 พ.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาออก ประกาศเตือนลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นในระยะนี้ ซึ่งส่งผลให้ทะเลกระบี่ มีสภาพอากาศแปรปรวน คลื่นลมค่อนข้างแรง ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวเรือหัวโทง และเรือสปีดโบตให้บริการนำเที่ยวหน้าหาดอ่าวนาง และหาดนพรัตน์ธารา กว่า 400 ลำ ต้องนำเรือไปจอดหลบคลื่นลมบริเวณร่องน้ำใกล้ที่ทำการสำนักงานอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ม.5 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่
เมื่อเวลา 14.30 น.วันเดียวกัน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ เข้าทำการปิดเส้นทางการจราจร 1 ช่องทาง บริเวณถนนเพชรเกษมขาเข้าตัวเมืองกระบี่ ริมป่าสงวนแห่งชาติป่าในช่อง ม.1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ และนำกรวยมากั้นไว้เพื่อให้รถวิ่งช่องทางเดียว และเร่งซ่อมแซมสายไฟฟ้า หลังเกิดฝนตกหนัก และมีลมพายุพัดแรงส่งผลต้นยางนาอายุกว่า 100 ปี ที่อยู่ริมถนนหักโค่นลงทับสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขาด และเสาไฟฟ้าหักโค่นอีก จำนวน1 ต้น แต่โชคดีรถที่วิ่งผ่านไปมาไม่ได้รับอันตราย แต่ส่งผลให้กระแสฟ้าดับในหลายพื้นที่ เช่น พื้นที่ตำบลเขาคราม และบางส่วนอำเภออ่าวลึก เจ้าหน้าที่เร่งทำการซ่อมแซม
ขณะที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ แจ้งว่า สำหรับสายไฟฟ้าที่ขาดนั้นเป็นสายส่งกระแสไฟฟ้าสำรองที่ส่งไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอ่าวลึก จ.กระบี่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซม และทำการเปลี่ยนเสาไฟฟ้าต้นใหม่ คาดว่าจะสามรถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติได้ในวันพรุ่งนี้ และในระหว่างนี้จะได้ดึงกระแสไฟฟ้ามาจากฝั่งจังหวัดพังงา มาใช้ชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าตามปกติ และฝากเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง เพราะช่วงนี้ฝนตกหนักอาจจะมีต้นไม้ล้มลงมาได้ตลอดเวลา
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (24 พ.ค.) ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้สะพานทางเบี่ยงคลองปากลาว ม.1 ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ถูกน้ำกัดเซาะขาดได้รับความเสียหายอย่างหนัก รถไม่สามารถข้ามผ่านไปมาได้ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบคนงานก่อสร้างสะพานกำลังเดินสำรวจความเสียหายของตัวสะพานที่ถูกน้ำกัดเซาะเสียหายอย่างหนัก และอุปกรณ์ก่อสร้างที่จมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากไม่สามารถขนย้ายได้ทัน พร้อมกับเคลื่อนย้ายเครื่องจักรไปไว้ที่น้ำท่วมไม่ถึง
นายมาโนช วิฤทธิ์ นายช่างควบคุมโครงการก่อสร้างสะพานปากลาว สำนักทางหลวงชนบทที่ 14 กล่าวว่า สะพานที่เสียหายเป็นสะพานเบี่ยงซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการรื้อสะพานเก่าออก และสร้างทางเบี่ยงเพื่อให้รถวิ่งผ่านชั่วราว แต่หลังจากฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองสูงขึ้นเอ่อท่วมสะพาน กระแสน้ำกัดเซาะจนสะพานทางเบี่ยงขาด รถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้
นอกจากนี้ แคมป์คนงาน และสำนักงานชั่วคราวถูกน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว จนไม่สามรถขนข้าวของได้ทัน อุปกรณ์ก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้นต้องจมใต้น้ำ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากระดับน้ำลดก็จะเร่งนำเครื่องจักรถซ่อมแซมสะพานทางเบี่ยงให้ใช้การได้โดยเร็วที่สุด และสำหรับเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางลัดไปจังหวัดพังงา และภูเก็ต
ปภ.พังงา เตือนพื้นที่เสี่ยงภัย 8 อำเภอ เฝ้าระวังดินโคลน
ที่จังหวัดพังงา นางกุลธารินทร์ โรจนสุรสีห์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุไซโคลน “โรอานู” ในอ่าวเบงกอล ทำให้พื้นที่ของจังหวัดพังงา เกิดฝนตกหนักถึง 200 มม. จนอาจทำให้เกิดอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และแก้ปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะในการป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการสาธารณภัย แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน และพื้นที่เสี่ยงภัย กำชับหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะในการเตรียมการช่วยเหลือ รวมทั้งตรวจสอบช่องทางระบายน้ำในเขตเมือง ป้ายโฆษณา และต้นไม้ใหญ่ที่ไม่แข็งแรง
สำหรับจังหวัดพังงา พื้นที่เสี่ยงภัย และประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ภูเขาสูง หุบเขา และหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะใน 8 อำเภอ คือ อ.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วทุ่ง อ.ท้ายเหมือง อ.คุระบุรี อ.กะปง อ.เกาะยาว อ.ทับปุด และ อ.เมือง จ.พังงา โดยช่วงนี้ในพื้นที่ จ.พังงา มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันจึงต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหมู่บ้านต่างๆ ตรวจวัดปริมาณน้ำฝนตลอด 24 ชั่วโมง หากมีปริมาณน้ำฝนที่มากจนเกินไปอาจจะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และโคลนถล่มได้ ขณะที่ปริมาณน้ำฝนสะสมที่บ้านโรงกลวง ต.นบปริง อ.เมืองพังงา วัดปริมาณฝนสะสมได้ 109 มิลลิเมตร บ้านนาใน ต.ทุ่งมะพร้าว บ้านช้างนอน ต.ลำภี และบ้านลำภี ต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง วัดปริมาณน้ำฝนได้ 142 มิลลิเมตร บ้านในหนด บ้านเหมาะ ต.เหมาะ อ.กะปง วัดปริมาณน้ำฝนได้ 201 มิลลิเมตร บ้านเชียงใหม่ บ้านเหนือ บ้านบางนุ บ้านกะไหล ต.กะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา วัดปริมาณน้ำฝนสะสมได้ 104 มิลลิเมตร เป็นการประกาศเตือนภัยพื้นที่สีเหลือง ลักษณะอากาศก่อให้เกิดอันตราย น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มในพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมเกิน 100 มิลลิเมตร จึงให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวัง และติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่ทางเข้าชายหาดบางสัก หมู่ที่ 7 บ้านทับตะวัน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตะกั่วป่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะกั่วป่า ได้เข้าตรวจสอบเหตุต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย เสาไฟฟ้าหักโคนขวางถนน รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ต้องใช้ทางเลี่ยง จนส่งผลให้ไฟฟ้าดับกว่า 2 ชั่วโมง โรงแรม และบ้านเรือนประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้ ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าตะกั่วป่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมสายไฟ และหม้อแปลงไฟที่ถูกกิ่งไม้ และต้นไม้ล้มทับได้รับความเสียหาย เบื้องต้น สามารถซ่อมแซมจนสามารถจ่ายไฟได้ในบางหมู่บ้านแล้ว
ทางด้าน นายพรเทพ เพชรมีศรี ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอตะกั่วป่า เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ในพื้นที่ได้มีฝนตกหนัก และมีลมกระโชคแรงทำให้พัดต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่นทับเสาไฟฟ้า และสายไฟจนได้รับความเสียหายใน 3 อำเภอ คือ อ.ตะกั่วป่า อ.กะปง และ อ.คุระบุรี กว่า 10 หมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ถูกต้นไม้ลมทับ เพื่อต้องการให้ชาวบ้านได้มีไฟฟ้าได้ตามปกติ เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตก สร้างความลำบากในการทำงานให้แก่เจ้าหน้าที่ จึงฝากขออภัยพี่น้องประชาชนที่ต้องการใช้ไฟอีกด้วย
ภูเก็ตมีต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้าในหลายพื้นที่
สำหรับพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต ได้มีฝนตกลงตลอดทั้งวัน ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต มีน้ำท่วมขังบางจุด ทำให้การจราจรติดขัดรถเคลื่อนตัวได้ช้าในถนนหลายเส้นทาง โดยเฉพาะถนนเทพกระษัตรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักเข้า-ออกเมืองภูเก็ต โดยเฉพาะบริเวณไทวัสดุ ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก หน้าโรงเรียนวิชิตสงคราม และอีกหลายๆ จุด นอกจากนั้น ยังมีต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้าในพื้นที่ อ.ถลาง และ อ.กะทู้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่แก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่อจากมีขยะอุดตันที่ตะแกรงเหล็กท่อระบายน้ำ
นายศิริศักดิ์ สกุลโสรัจจะ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่มีฝนตกลงมาตลอดทั้งวันนั้น ทาง ปภ.ได้ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชม. เพื่อป้องกันน้ำท่วมฉับพลัน และดินสไลด์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดินสไลด์ แต่น้ำท่วมผิวจราจรก็มีบางจุด โดยจัดเจ้าหน้าที่เคลื่อนเร็ว ปภ.ภูเก็ต ไปอำนวยการจราจรจุดที่มีน้ำท่วมขัง นอกจากนั้น ได้นำป้ายไปติดตั้งบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ในส่วนพื้นที่ ต.เทพกระษตรี ได้มีบ้านเรือนของชาวบ้านถูกลมพัดหลังหลุด และพังไป จำนวน 7 หลัง ซึ่งในขณะนี้ได้ให้ อบต.เทพกระษตรี ลงพื้นที่ตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น
ในขณะนี้ทางชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากกระแสไฟฟ้าดับหลายพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต เพราะมีต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้าขาด แต่ที่หนักสุดในพื้นที่ป่าตอง เนื่องจากมีเสาไฟฟ้าแรงสูงหนัก 3 ต้น ทำให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าป่าตอง ต้องเร่งเปลี่ยนเสาไฟใหม่เพื่อที่จะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เร็วที่สุด แต่ในพื้นที่อื่นๆ ทางเจ้าหน้าที่ลงได้แก้ไขเป็นการด่วน และขอประชาพันธ์ให้ประชาชนชาวภูเก็ตได้ทราบว่า ถ้าหากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าไปถึงที่หมายล่าช้าก็ต้องเข้าใจด้วย เพราะเจ้าหน้าที่มีทั้งหมด 8 ชุด ได้แบ่งกันลงทำงานตามแต่ละจุดที่ได้รับผลกระทบ” นายศิริศักดิ์ กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนบรรยากาศตามชายหาดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ได้มีการปักธงแดงเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเล แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ไม่ฟังคำเตือนก็ยังลงเล่นน้ำอยู่ แต่มีเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดคอยเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก แจ้งว่า มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร