ระนอง - ตำรวจทางหลวงระนอง โร่แจ้งความเอาผิดผู้ใช้เฟซบุ๊กฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเจ้าหน้าที่ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 พ.ค.) ด.ต.อนุมาทย์ ปัดเมฆ ผู้บังคับหมู่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงระนอง นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำนุ้ย พงส.สภ.เมืองระนอง โดยมีเอกสารหลักฐานเป็นกระดาษขนาด A4 จำนวน 7 แผ่น ซึ่งเป็นข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กตนเอง และในกลุ่มสมาชิกแฟนพันธุ์แท้ระนอง อันเป็นเท็จในลักษณะใส่ร้ายเจ้าพนักงานตำรวจทางหลวง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชน
ด.ต.อนุมาทย์ ปัดเมฆ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ต่อมาทราบชื่อคือ นางกัญญภัสสร์ โสภาพันธุ์ อายุ 63 ปี ได้โพสต์เฟซบุ๊กลงในหน้าเพจของตนเอง และในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของระนอง ซึ่งมีสมาชิกกว่า 16,085 คน โดยได้เขียนข้อความบิดเบือนความเป็นจริงจากใบสั่งฉบับหนึ่ง โดยระบุว่า ตำรวจทางหลวงจับรถสองแถวรับจ้างไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และอีกข้อความหนึ่ง พร้อมโพสต์รูปภาพประกอบ เขียนว่า “สองแถวเดือดทางหลวงจับเข็มขัดรถสองแถวกำลังรอตำรวจทางหลวงว่าจะเอาอย่างไร”
ซึ่งข้อความที่ นางกัญญภัสสร์ โสภาพันธุ์ ได้โพสต์ลงไปนั้นเป็นข้อความเท็จ ทำให้ตน และตำรวจทางหลวงได้รับความเสื่อมเสีย และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจทางหลวงรังแกประชาชน เพราะหลังจากที่เจ้าตัวได้โพสต์ลงไปได้ไม่นาน ก็มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์เจ้าหน้าที่ในลักษณะเสียหาย และมีการแชร์ออกไปสู่สาธารณชนอย่างมากมายทำให้ตนเอง และวงการตำรวจได้รับความเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก
ด.ต.อนุมาทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ตนได้ออกใบสั่ง และตักเตือนรถสองแถวจริง แต่เป็นข้อหาการแต่งกายของผู้ขับขี่รถโดยสารเท่านั้น และได้มีการเรียกนายคิวรถสองแถวสายดังกล่าวมาพูดคุยว่าน่าจะให้มีการเรียกจัดอบรมให้สมาชิกที่อยู่ในกลุ่มชมรมรถสองแถวให้มีการแต่งกายที่สุภาพตามระเบียบของขนส่ง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และจังหวัดระนองเองตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้แก่จังหวัดระนอง ซึ่งรถสองแถวไม้ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดระนองเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องการออกใบสั่งนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการขาดคาดเข็มขัดนิรภัยเลย ซึ่งกรณีรถสองแถวของระนองนั้น ได้รับการยกเว้นในข้อนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นรถสองแถวประจำจังหวัด และใช้กันเพียงในพื้นที่เท่านั้น
ด้าน ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำนุ้ย พงส.สภ.เมืองระนอง กล่าวว่า จากนี้ไปต้องออกหมายเรียก นางกัญญภัสสร์ โสภาพันธุ์ ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน ถ้าหากไม่มาก็ต้องขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป สำหรับคดีนี้ต้องรอผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนก่อนจึงจะสรุปสำนวนได้ ด้านความผิดนั้นเป็นคดีความผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา ซึ่งมีอัตราโทษสูง ทั้งนี้ ต้องดูเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย กรณีความผิดทางอาญา ในการหมิ่นประมาททางอินเทอร์เน็ต ตามมาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประมวลกฏหมายอาญา ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 พ.ค.) ด.ต.อนุมาทย์ ปัดเมฆ ผู้บังคับหมู่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงระนอง นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำนุ้ย พงส.สภ.เมืองระนอง โดยมีเอกสารหลักฐานเป็นกระดาษขนาด A4 จำนวน 7 แผ่น ซึ่งเป็นข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กตนเอง และในกลุ่มสมาชิกแฟนพันธุ์แท้ระนอง อันเป็นเท็จในลักษณะใส่ร้ายเจ้าพนักงานตำรวจทางหลวง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชน
ด.ต.อนุมาทย์ ปัดเมฆ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ต่อมาทราบชื่อคือ นางกัญญภัสสร์ โสภาพันธุ์ อายุ 63 ปี ได้โพสต์เฟซบุ๊กลงในหน้าเพจของตนเอง และในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของระนอง ซึ่งมีสมาชิกกว่า 16,085 คน โดยได้เขียนข้อความบิดเบือนความเป็นจริงจากใบสั่งฉบับหนึ่ง โดยระบุว่า ตำรวจทางหลวงจับรถสองแถวรับจ้างไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และอีกข้อความหนึ่ง พร้อมโพสต์รูปภาพประกอบ เขียนว่า “สองแถวเดือดทางหลวงจับเข็มขัดรถสองแถวกำลังรอตำรวจทางหลวงว่าจะเอาอย่างไร”
ซึ่งข้อความที่ นางกัญญภัสสร์ โสภาพันธุ์ ได้โพสต์ลงไปนั้นเป็นข้อความเท็จ ทำให้ตน และตำรวจทางหลวงได้รับความเสื่อมเสีย และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจทางหลวงรังแกประชาชน เพราะหลังจากที่เจ้าตัวได้โพสต์ลงไปได้ไม่นาน ก็มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาคอมเมนต์เจ้าหน้าที่ในลักษณะเสียหาย และมีการแชร์ออกไปสู่สาธารณชนอย่างมากมายทำให้ตนเอง และวงการตำรวจได้รับความเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก
ด.ต.อนุมาทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ตนได้ออกใบสั่ง และตักเตือนรถสองแถวจริง แต่เป็นข้อหาการแต่งกายของผู้ขับขี่รถโดยสารเท่านั้น และได้มีการเรียกนายคิวรถสองแถวสายดังกล่าวมาพูดคุยว่าน่าจะให้มีการเรียกจัดอบรมให้สมาชิกที่อยู่ในกลุ่มชมรมรถสองแถวให้มีการแต่งกายที่สุภาพตามระเบียบของขนส่ง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และจังหวัดระนองเองตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก จะได้เป็นหน้าเป็นตาให้แก่จังหวัดระนอง ซึ่งรถสองแถวไม้ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดระนองเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องการออกใบสั่งนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการขาดคาดเข็มขัดนิรภัยเลย ซึ่งกรณีรถสองแถวของระนองนั้น ได้รับการยกเว้นในข้อนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นรถสองแถวประจำจังหวัด และใช้กันเพียงในพื้นที่เท่านั้น
ด้าน ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ดำนุ้ย พงส.สภ.เมืองระนอง กล่าวว่า จากนี้ไปต้องออกหมายเรียก นางกัญญภัสสร์ โสภาพันธุ์ ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน ถ้าหากไม่มาก็ต้องขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป สำหรับคดีนี้ต้องรอผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนก่อนจึงจะสรุปสำนวนได้ ด้านความผิดนั้นเป็นคดีความผิดทั้งทางแพ่ง และอาญา ซึ่งมีอัตราโทษสูง ทั้งนี้ ต้องดูเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย กรณีความผิดทางอาญา ในการหมิ่นประมาททางอินเทอร์เน็ต ตามมาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และประมวลกฏหมายอาญา ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท