xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลาส่งเสริมปลูกผักเหลียงในสวนยางและไร่นาสวนผสม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา ส่งเสริมปลูกผักเหลียงแซมในสวนยาพารา หรือไร่นาสวนผสม สร้างรายได้ระยะยาว ตลาดต้องการสูง ราคาดีไม่มีตก กิโลกรัมละ 70-90 บาท และเป็นพืชที่มีอายุยืนทำเงินได้ตลอด

วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผักเหลียง หรือผักเหมียงพืชกินใบที่เกษตรกรชาวสวนยางใน จ.สงขลา นิยมนำไปปลูกแซมในร่องยางพาราเพื่อสร้างรายได้เสริม และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่สนใจที่กำลังหาพืชผักเพื่อนำไปปลูกสร้างรายได้เสริม ไม่เฉพาะปลูกในสวนยางพาราเท่านั้น แต่ยังสามารถปลูกได้ทุกที่

มีตัวอย่างของเกษตรกรที่นำผักเหลียงมาปลูกแซมในสวนยางพาราจนประสบความสำเร็จ และเป็นแปลงปลูกรายแรกๆ ของ จ.สงขลา นั่นคือ นางบุญชู มะกรูดทอง เกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่หมู่ 8 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งปลูกผักเหลียงในร่องยางพารา จำนวน 2 ไร่ มากว่า 10 ปี และขณะนี้ยังคงเก็บยอดผักเหลียงขายได้อย่างต่อเนื่อง
 

 
โดยหากเก็บขายเองราคากิโลกรัมละ 90 บาท หรือหากมีแม่ค้ามารับมาขายต่อกิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งราคาของผักเหลียงไม่เคยตก และจะอยู่ในระดับนี้ตลอด สร้างรายได้เสริมโดยที่แทบไม่มีต้นทุนทั้งการปลูก และการดูแล โดยเฉพาะในช่วงยางพาราผลัดใบมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งต้องหยุดกรีด ผักเหลียงจะสร้างรายได้หลักทดแทนยางพารา มีรายได้ตั้งแต่หลักพัน ถึงหมื่นต่อเดือนเลยทีเดียว

นายสุนันต์ ถีราวุฒิ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา เปิดเผยว่า กำลังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักเหลียงแซมในสวนยางพารา หรือตามไร่นาสวนผสม เนื่องจากตลาดต้องการสูงมากเพราะกำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค และจากการลงพื้นที่แปลงตัวอย่างในหลายแห่งที่เกษตรกรที่นำผักเหลียงไปปลูก ทั้งในส่วนยางพารา หรือตามร่องสวนต่างพอใจ และมีรายได้เสริม

ข้อดีของผักเหลีย งคือ ปลูกแทบไม่ต้องดูแลอะไรเลย ขึ้นได้ทุกที่ ทนต่อสภาพอากาศ ยิ่งปลูกในสวนยางยิ่งได้ผลเพราะอาศัยปุ๋ยที่ใส่ยางพารา และจะแตกแขนงออกไปเรื่อยๆ และอายุยืนสามารถมีรายได้ในระยะยาว ซึ่งเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจสามารถติดตามสอบถามรายละเอียดจากสำนักงานเกษตรในพื้นที่ได้
 


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น