xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าอาวาสวัดหึงค์ห่วงการติดตาม “พระพุทธสิหิงค์” ที่สูญหาย 30 ปีกลับคืนตรังทำได้ยาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ตรัง - เจ้าอาวาสวัดพระพุทธสิหิงค์ เกรงการติดตามพระพุทธสิหิงค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตรังที่หายสาบสูญไปกว่า 30 ปี จะกลับคืนได้ยาก เพราะเคยพยายามมาแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เงียบหาย

วันนี้ (2 พ.ค.) จากกรณีที่พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตรัง ได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยจากวัดหัวถนน ต.นาพละ อ.เมืองตรัง ตั้งแต่เมื่อปี 2526 หรือนานกว่า 30 ปี และก่อนหน้านี้ ก็มีการตามหาจากแหล่งข้อมูลที่คาดว่าน่าจะเชื่อถือได้มาหลายครั้ง แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป จนล่าสุด นายเดชรัฐ สิมสิริ ผวจ.ตรัง ได้นำชาวบ้าน และผู้ที่ศรัทธาต่อพระพุทธสิหิงค์ พร้อมใจกันสวดมนต์ นั่งสมาธิเพื่ออธิษฐานขอให้ได้พระพุทธสิหิงค์กลับคืนมาสู่เมืองตรังอีกครั้งนั้น
 

 
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดพระพุทธสิหิงค์ หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า วัดหึงค์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง เพื่อพบกับ พระครูวินัยธรกวี เจ้าอาวาสวัดพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งได้กล่าวว่า ตนเองอยู่ที่วัดแห่งนี้มา 16 ปีแล้ว และทราบข่าวการติดตามพระพุทธสิหิงค์หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถนำกลับคืนมาได้ ซึ่งเดิมทีพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐ์อยู่ที่วัดพระพุทธสิหิงค์ แต่เมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ได้กลายเป็นวัดร้าง และไม่มีพระจำวัด ทางจังหวัดจึงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ไปเก็บไว้ตามสถานที่ต่างๆ

กระทั่งที่สุดก็ได้นำไปประดิษฐสถานไว้ที่วัดหัวถนน ต.นาพละ อ.เมืองตรัง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งตนเชื่อว่า พระพุทธสิหิงค์ถูกขโมยไปอย่างแน่นอน เพราะเป็นพระพุทธรูปเก่าที่มีคุณค่าอย่างมาก ในสมัยที่พระนางเลือดขาวเสด็จจากประเทศศรีลังกามาประทับแรมที่จังหวัดตรัง เพื่อจะเดินทางไปจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้มีการสร้างวัดพระพุทธสิหิงค์ขึ้น พร้อมมอบพระพุทธสิหิงค์ไว้ประจำวัด เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชา
 

 
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงหลังมาจะมีสร้างพระพุทธรูปที่มีลักษณะคล้ายกันมาแล้วหลายรุ่น แต่ชาวตรัง และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาก็ยังคงอยากได้พระพุทธสิหิงค์องค์เดิมกลับคืนมา โดยสังเกตได้จากตำหนิสำคัญ 3 จุด คือ ที่บริเวณนิ้วพระหัตถ์ด้านขวา จะใหญ่ผิดรูปไม่เหมือนพระพุทธรูปองค์อื่น อันเนื่องมาจากช่างหล่อสมัยศรีลังกาทำผิดพลาด ส่วนที่บริเวณฐานซ้ายขวา จะมีรูสำหรับเสียบเหล็ก รวมทั้งด้านหลังขององค์พระก็จะมีรูสำหรับสวมฉัตรเช่นกัน ซึ่งตนได้รับการบอกกล่าวมาจากเจ้าอาวาสวัดพระพุทธสิหิงค์สมัยต่างๆ ว่า ให้มีการจดจำตำหนิทั้ง 3 จุดให้ดี เพื่อช่วยติดตามพระพุทธสิหิงค์องค์จริงคืนมา

ทั้งนี้ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธสิหิงค์ ได้ขอให้ผู้ที่ครอบครอง หรือทราบเบาะแสพระพุทธสิหิงค์ ช่วยนำกลับคืนมา หรือแจ้งข้อมูลมายังทางราชการ เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวตรังมายาวนานแล้ว ซึ่งหากได้คืนมาจะนำไปประดิษฐานไว้ที่ใดก็แล้วแต่ทางจังหวัด แต่ตนก็ยังอยากให้นำมาไว้ที่เดิม คือ วัดพระพุทธสิหิงค์ สำหรับการติดตามในครั้งนี้ตนก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะเป็นลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้วก็เงียบหายไปทุกครั้ง
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น