ตรัง - เด็ก และเยาวชนใน ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง ฝึกเรียน และแสดงมโนราห์ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้ เพื่อสืบทอดสายเลือดศิลปะการแสดงชื่อดังภาคใต้ และตอบแทนพระคุณพ่อแม่อย่างหนึ่ง
วันนี้ (7 เม.ย.) ชาวตำบลนาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ร่วมกันสืบสานมโนราห์ หรือโนราห์ ศิลปะการแสดงชื่อดังของภาคใต้ เนื่องจากช่วงนี้ตรงกับช่วงที่นักเรียนกำลังปิดเทอมภาคฤดูร้อน ดังนั้น จึงมีเด็ก และเยาวชนทั้งชายหญิงจำนวนมากได้มาฝึกเรียน และแสดงมโนราห์ ที่สำคัญก็คือ การที่ลูกหลานได้มาสืบสานศิลปะการแสดงชื่อดังนั้นนับเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่ และเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่อย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ เนื่องจากชาวภาคใต้เชื่อกันว่า มโนราห์เป็นเสมือนกับสายเลือดที่สืบทอดกันมาจากรุ่นปู่ย่าตายาย มาจนถึงรุ่นพ่อแม่ กระทั่งวันหนึ่งเมื่อพ่อแม่มีอายุมากแล้ว ก็จะถ่ายทอดศิลปะการแสดงนี้ไปถึงรุ่นลูกหลาน ถึงแม้บ้านเมืองจะวิวัฒนาการเจริญก้าวหน้าทันสมัยไปมากสักแค่ไหน แต่สายเลือดมโนราห์ชองชาวภาคใต้ก็จะไม่มีวันล่มสลาย เพราะถือเป็นสิ่งดีงามที่ต้องรับช่วงต่อกันไป
สำหรับในปัจจุบันนี้ยังคงมีการติดต่อมโนราห์เพื่อไปแสดงในโอกาสต่างๆ กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการรำแก้บน ซึ่งหนึ่งในคณะมโนราห์ชื่อดังของจังหวัดตรัง คือ มโนราห์ทองใบ ใจดี ประเสริฐศิลป์ ที่มีชาวบ้านให้ความสนใจกันอย่างกว้างขวาง ก็ได้นำเด็ก และเยาวชนที่ผ่านการฝึกเรียนมาแสดงมโนราห์ในงานดังกล่าวด้วย โดยใช้ระยะเวลาในการรำ 2 วัน 1 คืน ตามแบบฉบับของการแสดงมโนราห์แบบโบราณ
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีการใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้าน เช่น กลองทุ้ง ปี่ โหม่ง ทับ ฉิ่ง และซอด้วง สำหรับการแสดงเท่านั้น โดยชาวภาคใต้เชื่อว่า หากคณะมโนราห์นั้นๆ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และครูหมอที่ดีพอจะไม่สามารถรำแก้บนได้สำเร็จ หรือที่เรียกกันว่า “เหมยไม่ขาด” อีกทั้งในปีหนึ่งจะสามารถรำมโนราห์แก้บนได้เพียงไม่กี่วัน เฉพาะในวันดี หรือวันมงคลเท่านั้น
ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเมื่อทราบข่าวว่า มีคณะมโนราห์มาแสดง คนเฒ่าคนแก่ต่างก็จูงลูกจูงหลานมาชมถึงหน้าโรง และยิ่งหากมีญาติพี่น้องมาร่วมรำมโนราห์ในครั้งนั้นด้วย ต่างก็จะเดินทางมาให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง จึงเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้ว่า มโนราห์กับชาวภาคใต้ยังอยู่คู่กันไปตลอด ดั่งคำขวัญของชาวโบราณที่ว่า “มาเมืองตรัง ไม่หนังก็มโนราห์”