พังงา - กัปตันเรือนำเที่ยวดำน้ำลึกอ้างไม่รู้นักท่องเที่ยวนำอุปกรณ์ยิงปลาขึ้นเรือ ยืนยันห้ามเต็มที่ พร้อมพานักท่องเที่ยวออกนอกเขตอุทยานแล้ว ขณะที่การตรวจสอบระบบจีพีเอสเพื่อยืนยันจุดยิงปลาที่ชัดเจนไม่สามารถตรวจสอบได้ อ้างขณะเกิดเหตุไม่ได้ตั้งพิกัด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันห้ามเรือ “ภาณุนี” เข้าเกาะสิมิลัน 30 วัน
จากกรณี พ.ต.ท.จักรี เมฆอำพลสุทธิ์ สว.ส.รน.2 กก.8 บก.รน. (ตำรวจน้ำพังงา) ร.ต.อ.ภฤศธร อยู่ทอง รอง สว.ส.ทท.2 กก.5 บก.ทท. (ตำรวจท่องเที่ยวพังงา ภูเก็ต ) ส.อ.กิตติศักดิ์ ณ รังสี นักพัฒนาการท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เขต 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำตัว นายหล้าหมาน กุจิ กัปตัน เรือภาณุนี และนายวีรพงษ์ เพ็ชรศิริ ลูกเรือทัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงลงไปดำน้ำยิงปลา กุ้งมังกร และสัตว์น้ำหายากบริเวณหมู่เกาะสิมิลัน เพื่อไปชี้จุดที่จอดเรือตามพิกัดจีพีเอสที่ติดตั้งอยู่ในเรือทัวร์ลำดังกล่าว
โดยจุดแรกที่ไปตรวจสอบอยู่ห่างจากหน้าเกาะ 4 หมู่เกาะสิมิลัน ประมาณ 4 ไมล์ทะเล ซึ่งจากการตรวจสอบค่าจีพีเอสที่ทางนายหล้าหมาน กัปตันอ้างได้จอดเรือให้นักท่องเที่ยว ดำน้ำยิงปลาที่จุดดังกล่าว ห่างจากเขตอุทยาน และอยู่ในเส้นทางเดินเรือ แต่ไม่ได้ระบุจุดที่เรือลำดังกล่าวจอด ต่อจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังขึ้นตรวจเรือทัวร์ (ภาณุนี) ที่จอดอยู่บริเวณท่าเรือทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ว่า มีการอ้างจากกัปตันอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิลัน จึงได้ตรวจสอบจีพีเอส และภาพกล้องวงจรปิดที่อยู่บนเรือ ปรากฏว่า ไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากทางกัปตันอ้างว่า ไม่ได้มีการตั้งค่าจุดที่เรือจอด ส่วนภาพกล้องวงจรปิดทางเจ้าหน้าที่จะได้ประสานกับทางเจ้าของเรือเพื่อขอภาพมาตรวจสอบต่อไป
นายณัฐ โก่งเกษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้มีการประสานงานกับตำรวจน้ำ และตำรวจท่องเที่ยวร่วมกันตรวจสอบ โดยนำตัวกัปตันเรือภาณุนี ไปชี้จุดที่นักท่องเที่ยวมีการยิงปลา ซึ่งกัปตันเรือได้บอกว่า จุดที่นักท่องเที่ยวลงไปดำน้ำยิงปลานั้นอยู่นอกเขตอุทยาน ถึงแม้ว่าจะอยู่นอกเขตอุทยานแต่จากภาพที่เห็นมีอุปกรณ์ในการกระทำอยู่บนเรือ ซึ่งเรือเป็นที่ขออนุญาตเป็นเรือนำเที่ยว ทางอุทยานจึงได้พิจารณาเห็นว่าเป็นอันตรายต่อสภาพทรัพยากรธรรมชาติ เบื้องต้น จึงมีคำสั่งห้ามเรือภาณุนี เข้าในบริเวณเกาะสิมิลันเป็นเวลา 30 วัน และรอผลการสอบสวนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทางอุทยานได้มีการอบรมกัปตันเรือ และไกด์อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งเรือที่เข้าไปในเขตอุทยานทุกลำจะต้องผ่านการอบรมอยู่แล้วจะมาบอกว่าไม่ทราบว่าอยู่ในเขตอุทยานหรือไม่คงไม่ได้ อยากฝากถึงผู้ประกอบการต่างๆ ไกด์นำเที่ยว ว่า ทรัพยากรธรรมชาติของเกาะสิมิลันมัน เป็นสมบัติ เป็นแหล่งทำกินของผู้ประกอบการเอง ถ้ามาหวังได้เงินเล็กๆ น้อยๆ แล้วทำให้ทรัพยากรเสียหายอีกหน่อยก็จะไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว โปรดช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อรักษาทรัพยากรไว้
ด้าน นายหล้าหมาน กุจิ กัปตันเรือภาณุนี กล่าวว่า ตนได้นำเรือพร้อมนักท่องเที่ยวชาวจีน-ฮ่องกงไปยังเกาะสิมิลัน เมื่อวันที่ 29 มี.ค.-2 พ.ค. โดยมีนักท่องเที่ยวอยู่บนเรือ 20 คน ตนไม่ทราบว่านักท่องเที่ยวมีอุปกรณ์อะไรมาบ้างตอนมาขึ้นเรือ เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นเรือตนก็ออกเรือไปเลย พนักงานบนเรือ ไกด์ก็ไม่มีการตรวจสอบเนื่องจากว่าเป็นกระเป๋าของนักท่องเที่ยว มาทราบอีกทีก็ตอนเช้า เรือซึ่งเดินทางถึงเกาะสิมิลัน เป็นช่วงที่มีการเช็กสภาพร่างกายก่อนดำน้ำ จึงเห็นว่าในกระเป๋าของนักท่องเที่ยวมีอุปกรณ์ยิงปลามาด้วย ตนจึงแจ้งให้ไกด์บอกนักท่องเที่ยวว่าห้ามทำการใดๆ ในเขตอุทยานที่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด แต่นักท่องเที่ยวไม่ฟัง จะดำน้ำลงไปยิงปลาใต้น้ำให้ได้
ตนจึงแจ้งอีกครั้งว่า ถ้าไม่เชื่อฟัง ตนจะพาไปออกไปนอกเขตอุทยานทันที เมื่อนักท่องเที่ยวยังดื้อดึงตนนำเรือพานักท่องเที่ยวออกมาเกาะสิมิลันในวันรุ่งขึ้น เมื่อออกจากเกาะสิมิลัน เรือก็มาจอดห่างจากเกาะสิมิลัน เกือบ 360 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นจุดดำน้ำลึก จุดนี้นักท่องเที่ยวนำอุปกรณ์ลงไปยิงปลาจับกุ้งมังกร ได้มาประมาณ 2-3 เข่ง ซึ่งเป็นพวกปลาเก๋าต่างๆ ที่อยู่บริเวณซั้งดักปลา ซึ่งเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวชอบมาดำน้ำดูปะการัง ในระดับความลึกกว่า 30 เมตร โดยปลาที่จับได้นักท่องเที่ยวก็จะนำมาทำเป็นอาหารกินบนเรือ ตน และลูกเรือต่างรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับนักท่องเที่ยวไม่เชื่อฟังด้วย หากตนทราบมาก่อนว่ามีการนำอุปกรณ์ยิงปลามาด้วยตนจะไม่ยอมนำเรือออกโดยเด็ดขาด