ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงาน ธ.ก.ส จังหวัดภูเก็ต จัด 168 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 4 สนับสนุนสินเชื่อโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนภาคเกษตรไทย เผยปล่อยมา 2 เดือน มีผู้สนใจยื่นกู้แล้ว 15 ราย
วันนี้ (31 มี.ค.) ที่โรงแรมแกรนด์สุพิชฌาย์ซิตี้ โฮเทล นายเกษมศานต์ หลิมนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส จังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนภาคเกษตรไทย เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเกษตรที่ดีให้มีความเข้มแข็ง และเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สนับสนุนให้เกษตรกรปรับตัวเป็นผู้ประกอบการภาคเกษตร มีความสามารถในการจัดการธุรกิจด้วยตัวเอง หรือร่วมกลุ่ม รวมถึงสนับสนุนนวัตกรรม และการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร และก่อให้เกิดการจ้างแรงงานในภาคชนบทเพิ่มมากขึ้น โดยมีสมาชิกกลุ่มเกษตรกมลา และผู้สื่อข่าวเข้าร่วม
นายเกษมศานย์ หลิมนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ด้วยคณะกรรมการธนาคารในคราวประชุม ครั้งที่ 14/2558 วันที่ 24 ธันวาคม2558 ได้เห็นชอบให้ ธ.ก.ส ดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทยให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและสถาบันการเงินชุมชน ที่เป็นลูกค้าที่ดี และมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงการผลิตที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตทางการเกษตรรูปแบบใหม่ และกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องต่อภาคการเกษตรที่มีความยั่งยืน คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกูร้อยละ 4 ต่อปี เป็นเวลา 7 ปี กำหนดวงเงินกู้ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท ยกเว้นสหกรณ์การเกษตร และสถาบันการเงินชุมชนไม่เกิน 20 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท
ต่อมา คณะกรรมการธนาคารในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2559 วันที่ 19 มกราคม 2559 ได้เห็นชอบให้ธนาคารปรับปรุงโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย เป็นโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย และอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมจากเดิม 50,000 ล้านบาท เป็น 72,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกูร้อยละ 4 ต่อปี เป็นเวลา 7 ปี รวมถึงกำหนดวงเงินกู้ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องต่อเจตนารมณ์ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนา และยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล ที่มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากไว้ 5 ประการ ดังนี้
1.สนับสนุนให้ชุมชนมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงสีข้าว ลานตาก ยุ้งฉางชุมชน ศูนย์เครื่องจักรการเกษตร (Machinery Pool) เป็นต้น โดยการสนับสนุนเงินทุนจากภาครัฐผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 2.ให้ ธ.ก.ส ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนเกษตรกรก้าวหน้า (Smart Farmer) ยกระดับเป็น SME เกษตรต้นแบบในทุกตำบล เพื่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภาคเกษตร และการจ้างงานในชุมชน ผ่านโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตร
3.ขอความร่วมมือภาคเอกชนให้การช่วยเหลือด้านการตลาดให้แก่เกษตร โดยการรับซื้อผลผลิตของเกษตรกรที่ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับการผลิตของเกษตรกรสู่มาตรฐานสากล โดยบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนผ่านโครงการตลาดประชารัฐเพื่อชุมชน 4.สนับสนุนให้มีแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละตำบล/อำเภอ เพื่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ เพราะการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวจะทำให้เศรษฐกิจชุมชนดีขึ้น ผ่านโครงการ 1 ตำบล/อำเภอ 1 แหล่งท่องเที่ยว 5.สร้างโอกาสให้แก่ชุมชนในการเข้าถึงการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายความเร็วสูง (Internet Broadband) เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของชุมชน และกระตุ้นให้มีการซื้อขายออนไลน์มากยิ่งขึ้น
สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้าน และสถาบันการเงินชุมชน ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ หรือกิจการที่มีวัตถุประสงค์เป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพของเกษตรกร หรือชุมชน การพัฒนาผลผลิต หรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกร หรือชุมชนในกระบวนการผลิต การรวบรวม การแปรรูป การตลาด และการบริการ ทั้งนี้ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ หรือกิจการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นผู้ประกอบการ SME เกษตร หรือเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เกษตรที่มีลักษณะของขนาดวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ส่วนวงเงินสินเชื่อโครงการที่จะสนับสนุนสินเชื่อให้แก่กลุ่มเป้าหมายในจังหวัดภูเก็ต นายเกษมศานต์ กล่าวว่า ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อ จำนวน 168 ล้านบาท ไว้สำหรับให้การสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายแล้ว ซึ่งโครงการนี้ได้เริ่มจ่ายสินเชื่อตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งในส่วนของสำนักงาน ธ.ก.ส จังหวัดภูเก็ต ทั้ง 3 อำเภอ จ่ายสินเชื่อตามโครงการไปแล้ว 15 ล้านบาท จึงขอให้ลูกค้าที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเข้าไปติดต่อขอสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส ทุกสาขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560
ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส จังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวต่อไปว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากสินเชื่อโครงการนี้จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง มีความยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความเข้มแข็ง และเติบโตอย่างมีคุณภาพ ก่อให้เกิดการจ้างแรงงาน เป็นการกระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และสังคม