ตรัง - ลูกหลานญาติพี่น้องของ “ทวดฟัก” วัย 99 ปี ชาว ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง ร่วมจัดประเพณีแห่ศพแบบโบราณด้วยการหามแคร่ไม้ไผ่ไปยังวัด พร้อมขบวนกลองยาว ร่ายรำตามจังหวะกันอย่างสนุกสนาน เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน
วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาลูกหลาน และญาติพี่น้องได้ช่วยกันหามหีบศพ หรือโลงศพ ซึ่งภายในบรรจุร่างของ นางฟัก รามศรี หรือทวดฟัก ชาว ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2559 ที่ผ่านมา ด้วยความชราในวัย 99 ปี มาแห่ตามประเพณีโบราณที่สืบทอดกันมานับร้อยปี โดยมีขบวนกลองยาว และมีการร่ายรำตามจังหวะอย่างสนุกสนาน เพื่อนำไปฌาปนกิจศพ หรือเผาศพยังวัดในหมู่บ้าน
นางเจริญศรี ชุมศรี อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 8 ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ ทวดฟัก กล่าวว่า สาเหตุที่ได้มีการจัดประเพณีแห่ศพแบบนี้เพราะต้องการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นดั้งเดิมเอาไว้ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน และยังทำให้ญาติพี่น้องได้เกิดความรัก ความสามัคคีกันมากขึ้นด้วย อีกทั้งที่ผ่านมา ครอบครัวตนได้มีการจัดประเพณีแห่ศพให้แก่ญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตขณะที่มีอายุมากๆ ทุกคน
โดยขั้นตอนในการแห่ศพตามประเพณีโบราณดังกล่าว จะใช้วิธีการนำไม้ไผ่ที่อายุมากกว่า 5 ปี ที่มีขนาดความยาว 2.5 และ 4 เมตร จำนวน 8 ลำ มาวางซ้อน และผูกติดกันเป็นลักษณะสี่เหลี่ยม หรือดูคล้ายกับแคร่ไม้ไผ่ เมื่อได้ฤกษ์ยามที่เหมาะสมแล้ว บรรดาลูกหลาน และญาติพี่น้องก็จะช่วยกันยกโลงศพไปวางบนไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ก่อนผูกมัดด้วยกาบทางต้นระกำอีกครั้งหนึ่งเพื่อความแน่นหนา
สำหรับประเพณีแห่ศพแบบโบราณของ ทวดฟัก ในครั้งนี้ มีระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร จากบ้านถึงวัดนางปะหลาด โดยลูกหลาน และญาติพี่น้องต่างช่วยกันร้องรำไปพร้อมๆ กับขบวนกลองยาว เพื่อเดินนำหน้าแคร่ไม้ไผ่ที่มีการยกโลงศพไปวางไว้ข้างบนกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะเก็บศพไว้ภายในวัดเพื่อรอวันที่มีฤกษ์งามยามดีอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า ก็จะยกศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ทั้งนี้ การหามโลงศพไปยังวัดในปัจจุบันของ จ.ตรัง โดยทั่วไปจะแห่ด้วยรถขนาดใหญ่ แล้วมีขบวนรถของลูกหลาน และญาติพี่น้องติดตามกันไป ส่วนการแห่แบบโบราณด้วยแคร่ไม้ไผ่จะพบเห็นได้ยากมากแล้ว นอกจากในบางท้องถิ่นที่ยังคงอนุรักษ์ประเพณีเหล่านี้เอาไว้