พัทลุง - เครือข่ายกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง ยื่นหนังสือถึง สตง.ระงับมติเงินภาษีจากสัมปทานรังนกหาย 175 ล้าน ขณะปลัดจังหวัดออกมาแถลงข่าวต่อสังคมแต่ไร้ข้อชัดเจน เครือข่ายมวลชนเตรียมเปิดเวทีไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดออกจากพื้นที่ภายใน 10 วัน
วันนี้ (21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากมติที่ประชุมของคณะกรรมการรังนกอีแอ่นพัทลุง มีมติให้ปรับลดราคากลางการประมูลรังนกอีแอ่นจาก 450 ล้านบาท คงเหลือ 275 ล้านบาท ทำให้รายได้ค่ารังนกอีแอ่นของจังหวัดพัทลุงหายไปประมาณ 175 ล้านบาท และส่งผลให้ท้องถิ่น และประชาชนในจังหวัดพัทลุงข้องใจ ว่า ส่วนต่างจำนวนมากมาหายไปไหน และผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงคณะกรรมการบางรายไม่ปกป้องผลประโยชน์ให้แก่ชาวพัทลุง แต่ไปปกป้องผลประโยชน์ให้แก่ภาคเอชน และกลุ่มบริษัทที่จะเข้าประมูล และมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีนัยแอบแฝงในคณะกรรมการชุดนี้ที่มีมติออกมา
นายนอบ คงพูล ปลัดจังหวัดพัทลุง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกอีแอ่น 1 ในผู้เสนอมติลดค่าสัมปทานเหลือ 275 ล้าน ได้ออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ที่ผ่านมา ทางจังหวัดได้เปิดประมูลโดยวิธีประกวดราคามาแล้ว 2 ครั้ง ในราคา 450 ล้านบาท แต่ไม่มีบริษัทใดมาร่วมประมูล ในครั้งนี้จึงได้พิจารณากันใหม่โดยใช้วิธีพิเศษ พร้อมมีการเสนอมติปรับลดราคาการประมูลใหม่เหลือ 275 ล้านบาท ก่อนสัญญาสัมปทานจะว่างลง ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ ซึ่งในมติที่ประชุมเห็นด้วย จึงต้องทำตามมติ
ในขณะที่ปลัดจังหวัดแถลงข่าวผู้สื่อข่าวถามถึงรายชื่อคณะกรรมการที่เสนอราคา 275 ล้านบาท แต่ทางปลัดจังหวัด กล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นความลับ และผู้สื่อข่าวยังถามต่อไปว่ากระแสคัดค้านของชาวพัทลุงขณะนี้ออกมาเยอะ สามารถยกเลิกมติดังกล่าวได้หรือไม่ ทางปลัดจังหวัดบอกว่า ในส่วนตัวคิดว่าสามารถยกเลิกได้ แต่มติคณะกรรมการออกไปถือเป็นกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ
ด้าน นายเกลื่อม พูลสง และนายเด่น เทพกล่ำ ตัวแทนกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง ได้ทำหนังสือยื่นต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพัทลุง เพื่อให้ระงับ และเข้าตรวจสอบถึงมติดังกล่าว ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพัทลุง โดยในหนังสือมีใจความว่า ขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบถึงความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินกระประมูลรังนกอีแอ่นพัทลุง ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเดิมมีระยะการสัมปทานระยะเวลา 7 ปี มูลค่าการสัมปทาน 709 ล้านบาท ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ และกำลังมีการเปิดประมูลใหม่อีกรอบ โดยทางคณะกรรมการได้ตั้งราคากลางไว้ที่ 450 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี
แต่ล่าสุด ที่ผ่านมาการประชุมมีมติปรับลาคาลดลงซึ่งมีการเสนอเสียงออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่เสนอ 450 ล้านบาท ประกอบด้วย อัยการจังหวัด ผบก.ภจ.ว.พัทลุง สรรพากร ผู้ทรงคุณวุฒิจาก อบต.เกาะหมาก รวม 5 เสียง และฝ่ายเสนอ 275 ล้านบาท ประกอบด้วย ปลัดจังหวัด และผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง รวม 5 เสียงเช่นกัน ทำให้เสียงเสมอกัน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธาน เมื่อเสียงเสมอกันแทนที่จะพักการประชุม หรือยุติเพื่อรอประชุมใหม่ กลับลงมติชี้ขาดเห็นด้วยต่อเสียงฝ่ายที่เสนอ 275 ล้านบาท ซึ่งการลงมติดังกล่าวทำให้ชาวพัทลุง เสียผลประโยชน์ และจังหวัดได้รับความเสียหาย ขอให้ สตง.เข้าตรวจสอบเป็นการด่วน
ด้าน นางกรชศา พฤกษเศรษฐ ผอ.สำนำงานการตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดพัทลุง ได้รับเรื่องไว้ พร้อมระบุว่า จะส่งเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินส่วนกลางไปตามระบบ แต่ในส่วนนี้ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินพัทลุง ต้องทำหนังสือทวงถามผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กับเรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไมต้องปรับลดราคากลางถึงขนาดนี้ และจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป หากทางคณะกรรมการยังเดินหน้าเปิดประมูลในราคา 275 ล้านบาท ส่วนภาษีที่หายไปก็ถือเป็นเงินของแผ่นดิน จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อมติที่ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์
ขณะที่แหล่งข่าวจากคณะกรรมการจัดเก็บรังนกที่เห็นด้วยต่อราคากลางที่ตั้งไว้ 450 ล้านบาท รายหนึ่งกล่าวว่า ก่อนที่จะมีการประชุมมติในครั้งนี้มีคณะกรรมการจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปเก็บตัวที่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล และพอกลับมาก็มีมติปรับลดราคาลงเหลือ 275 ล้านบาท ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย อยากให้กรรมการดังกล่าวออกมาชี้แจงต่อสังคมด้วย
และเวลาเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) ทางผู้นำท้องถิ่น และเครือข่ายกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง เตรียมรวมพลที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพัทลุงในเวลาบ่ายโมง เพื่อทวงถามมติของคณะกรรมการ และจุดยืนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ที่ไม่ปกป้องผลประโยชน์ให้แก่จังหวัด พร้อมเปิดเวทีขับผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ให้ออกจากพื้นที่พัทลุงภายใน 10 วัน
