กระบี่ - รองนายกรัฐมนตรี ห่วงปัญหาน้ำเสียเกาะพีพีถูกทิ้งทะเลกว่า 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หวั่นทำพีพีเน่า ชงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และหัวหน้าส่วนราชการ ระหว่างการเดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ ว่า ก่อนที่จะมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการ ก็ได้เดินทางไปยังเกาะพีพี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ และของโลก เพื่อดูสถานที่ก่อสร้างส่วนราชการส่วนหน้าเกาะพีพี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว พร้อมรับฟังปัญหาของท่าเทียบเรือเกาะพีพี เนื่องจากพบว่า ขณะนี้เกินขีดความสามารถรองรับจำนวนเรือที่นำนักท่องเที่ยวเข้ามาจอดทั้งจากจังหวัดกระบี่ และภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ทางกรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างสำรวจออกแบบเพื่อของบประมาณขยายท่าเรือ
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า จังหวัดกระบี่ มีศักยภาพสูงมาก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันพบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประมาณ 11 ล้านคน ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ทำให้การรองรับของแหล่งท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ร้านอาหารต้องได้รับการพัฒนาตามไปด้วย ซึ่งพบว่าเป็นปัญหาอยู่พอสมควร โดยเฉพาะปัญหาน้ำเสียที่เกาะพีพี พบว่า มีน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงแรม สถานประกอบการ และบ้านเรือนวันละกว่า 1,800 ลูกบาศก์เมตร
ขณะที่บ่อบำบัดที่มีอยู่สามารถบำบัดได้ประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น โดยที่เหลือประมาณ 1,400 ลูกบาศก์เมตร ถูกทิ้งลงทะเลโดยไม่ได้ผ่านการบำบัด เชื่อว่าเกาะพีพีคงจะเน่าอย่างแน่นอนในอนาคต หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว แต่เป็นที่น่ายินดีว่า จังหวัด และ อบต.อ่าวนาง กำลังสำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนก่อสร้างบ่อบำบัด เพื่อให้สามารถรองรับน้ำเสียได้ประมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่คาดว่าก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
รองนายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า และจากการติดตามการใช้งบประมาณของจังหวัดกระบี่ พบว่าเป็นไปตามแผน และดูจากผลการประเมินโครงการกระบี่ ได้คะแนนสูงที่สุดของประเทศ ซึ่งสามารถเป็นตัวชี้วัดได้ว่าจังหวัดกระบี่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี และได้กำชับให้ข้าราชการทุ่มเทอุทิศตัวเวลาในการตอบสนองต่อภารกิจของรัฐ ช่วยเหลือประชาชน และเน้นย้ำการทำงานในลักษณะประชารัฐ โดยฝ่ายรัฐต้องเดินเข้าไปหาภาคประชาชน และเอกชนก่อนเพื่อแสวงความร่วมมือในทุกเรื่อง
และสิ่งที่ฝากเป็นพิเศษ ก็คือ การดูแลสิ่งแวดล้อม โดยรายได้ที่กรมอุทยานฯ เก็บจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ สามารถเก็บได้ปีละหลายร้อยล้านบาท หากว่านำเงินจำนวนดังกล่าวกลับมาพัฒนาจังหวัดกระบี่ มาแก้ปัญหาให้แก่แหล่งท่องเที่ยว ที่มีปัญหา และที่เป็นแหล่งสร้างรายได้อย่างมหาศาลอยู่ในขณะนี้ แทนที่จะรองบประมาณจากส่วนอื่นกลับมาพัฒนา ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างที่กำลังเกิดขึ้นทั้งนำเสีย ท่าเทียบเรือ ได้รวดเร็วขึ้น โดยที่ผ่านมาพบว่า ในพื้นที่ได้รับกลับมาเพียงน้อยนิดเท่านั้นเมื่อเทียบกับจำนวนรายได้ที่เก็บไป ซึ่งจะได้นำปัญหาไปพูดคุยหาทางออกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และหัวหน้าส่วนราชการ ระหว่างการเดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ ว่า ก่อนที่จะมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการ ก็ได้เดินทางไปยังเกาะพีพี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ และของโลก เพื่อดูสถานที่ก่อสร้างส่วนราชการส่วนหน้าเกาะพีพี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว พร้อมรับฟังปัญหาของท่าเทียบเรือเกาะพีพี เนื่องจากพบว่า ขณะนี้เกินขีดความสามารถรองรับจำนวนเรือที่นำนักท่องเที่ยวเข้ามาจอดทั้งจากจังหวัดกระบี่ และภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ทางกรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างสำรวจออกแบบเพื่อของบประมาณขยายท่าเรือ
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า จังหวัดกระบี่ มีศักยภาพสูงมาก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันพบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประมาณ 11 ล้านคน ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ทำให้การรองรับของแหล่งท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ร้านอาหารต้องได้รับการพัฒนาตามไปด้วย ซึ่งพบว่าเป็นปัญหาอยู่พอสมควร โดยเฉพาะปัญหาน้ำเสียที่เกาะพีพี พบว่า มีน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงแรม สถานประกอบการ และบ้านเรือนวันละกว่า 1,800 ลูกบาศก์เมตร
ขณะที่บ่อบำบัดที่มีอยู่สามารถบำบัดได้ประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น โดยที่เหลือประมาณ 1,400 ลูกบาศก์เมตร ถูกทิ้งลงทะเลโดยไม่ได้ผ่านการบำบัด เชื่อว่าเกาะพีพีคงจะเน่าอย่างแน่นอนในอนาคต หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว แต่เป็นที่น่ายินดีว่า จังหวัด และ อบต.อ่าวนาง กำลังสำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนก่อสร้างบ่อบำบัด เพื่อให้สามารถรองรับน้ำเสียได้ประมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่คาดว่าก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
รองนายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า และจากการติดตามการใช้งบประมาณของจังหวัดกระบี่ พบว่าเป็นไปตามแผน และดูจากผลการประเมินโครงการกระบี่ ได้คะแนนสูงที่สุดของประเทศ ซึ่งสามารถเป็นตัวชี้วัดได้ว่าจังหวัดกระบี่มีความพร้อมในการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี และได้กำชับให้ข้าราชการทุ่มเทอุทิศตัวเวลาในการตอบสนองต่อภารกิจของรัฐ ช่วยเหลือประชาชน และเน้นย้ำการทำงานในลักษณะประชารัฐ โดยฝ่ายรัฐต้องเดินเข้าไปหาภาคประชาชน และเอกชนก่อนเพื่อแสวงความร่วมมือในทุกเรื่อง
และสิ่งที่ฝากเป็นพิเศษ ก็คือ การดูแลสิ่งแวดล้อม โดยรายได้ที่กรมอุทยานฯ เก็บจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ สามารถเก็บได้ปีละหลายร้อยล้านบาท หากว่านำเงินจำนวนดังกล่าวกลับมาพัฒนาจังหวัดกระบี่ มาแก้ปัญหาให้แก่แหล่งท่องเที่ยว ที่มีปัญหา และที่เป็นแหล่งสร้างรายได้อย่างมหาศาลอยู่ในขณะนี้ แทนที่จะรองบประมาณจากส่วนอื่นกลับมาพัฒนา ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างที่กำลังเกิดขึ้นทั้งนำเสีย ท่าเทียบเรือ ได้รวดเร็วขึ้น โดยที่ผ่านมาพบว่า ในพื้นที่ได้รับกลับมาเพียงน้อยนิดเท่านั้นเมื่อเทียบกับจำนวนรายได้ที่เก็บไป ซึ่งจะได้นำปัญหาไปพูดคุยหาทางออกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป