กระบี่ - รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำเสียบนเกาะพีพี ขณะที่นายก อบต.อ่าวนาง เสนอ 7 โครงการ งบ 600 ล้าน แก้ปัญหาแหล่งท่องเที่ยว โดยเสนอให้ใช้มาตรา 44 ผลักดันโครงการ ชี้ปัญหาเรื้อรังมานานกระทบการท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (16 มี.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองรายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการ และติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำเสียที่เกาะพีพี ม.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมรับฟังบรรยายสรุป รวมทั้งปัญหาต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อสรุปทั้งหมดนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป โดยมี นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
นายพันคำ กิตติธรกุล นายก อบต.อ่าวนาง กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเกาะพีพีก็ได้รับทราบมาโดยตลอด และพยายามหาแนวทางไปการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาบางอย่างยังติดขัดในเรื่องข้อกฎหมาย เกินกำลังของหน่วยงานท้องถิ่น เช่น ปัญหาน้ำเสีย ปัญหาเรื่องการผลิตน้ำประปา เป็นต้น ปัญหาเรื่องการซ่อมแซมปรับปรุงท่าเทียบเรือ ขณะที่พื้นที่ตำบลอ่าวนาง สร้างรายเข้าภาครัฐได้ปีละกว่า 7 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ นายก อบต.อ่าวนาง ได้เสนอโครงการต่างๆ รวม 7 โครงการ งบประมาณรวมกว่า 600 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบนฝั่ง 2 โครงการ คือ โครงการสร้างระบบบ่อบัดน้ำเสียรวม ตำบลอ่าวนาง และโครงการวางแนวท่อบ่อบำบัดน้ำเสียคลองจาก และที่เกาะพีพี 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กเชื่อมระหว่างเกาะพีพี-แหลมตง โครงการขยายแนวท่อรวบรวมน้ำเสียเกาะพีพี ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยเกาะพีพี ลานจอดเฮลิคอปเตอร์เกาะพีพี และโครงการสร้างระบบผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเล
โดยเสนอให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 ผลักดันโครงการต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง เนื่องจากที่ผ่านมา ยังติดขัดระเบียบข้อกฎหมายต่างๆ ทำให้ไม่สามารถดำเนินโครงการต่างๆ ต่อไปได้ ปัญหาเดิมก็ยังหมักหมมอยู่จนยากเกินเยียวยา หากไม่ดำเนินการแก้ไขก็จะส่งผลกระทบในอนาคตอย่างแน่นอน
ด้าน พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า รัฐบาลก็รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันการผลักดันงบประมาณมาใช้ในโครงการ หรือการแก้ปัญหาต่างๆ นั้นก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดสรรงบประมาณตามความเหมาะสม ซึ่งหลังจากนี้จะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอต่อรัฐบาลเพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป