นครศรีธรรมราช - ชายฝั่งนครศรีฯ แผ่นดินหายทางการเงียบ คลื่นลมเริ่มสงบทิ้งซากความเสียหายไร้การฟื้นฟู ชาวบ้านเรียกร้องความช่วยเหลืออย่างจริงจัง และขอให้ทางการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมมากกว่าการสร้างภาพ
วันนี้ (1 มี.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช สภาพความเสียหายบนถนนแอสฟัลกรีต บริเวณบ้านหน้าโกฏิ ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ที่มีระยะทางยาวหลายร้อยเมตรที่ยังรอการฟื้นฟูสภาพจากความเสียหายเนื่องจากคลื่นลมรุนในรอบหลายปี หลายระลอกเมื่อช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.59 ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณหลายล้านบาท เนื่องจากมีการกัดเซาะของคลื่นอยู่ตลอดเวลาจากการเปลี่ยนของสภาพธรรมชาติ
ขณะที่บริเวณหน้าบ้าน นางอุมาพร ศรีเพชร ชาวบ้าน ม.10 ต.ท่าพญา ที่ต้องขยับบ้านของตัวเองมาแล้วมากกว่า 5 ครั้ง จนที่สุดต้องมาสร้างประชิดกับพื้นผิวการจราจร เนื่องจากไม่มีที่ดินอาศัยในจุดอื่นแล้ว โดยเธอระบุว่า จุดนี้ทะเลอยู่ห่างจากแนวฝั่งไปมากกว่า 4 กม. แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ถูกกัดเซาะจนหมด โดยที่ไม่ได้รับการแก้ปัญหาจากทางการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในช่วงคลื่นลมแรงจะปรากฏตัวแล้วทุกฝ่ายจะหายไปเหมือนเดิมเป็นแบบนี้มาทุกฤดูกาล
เช่นเดียวกับชาวบ้านอีกหลายครอบครัว เรียกร้องให้ทางการเปิดเผยข้อเท็จจริงถึงวิกฤตการณ์แผ่นดินหายตลอดแนวชายฝั่งปากพนัง ซึ่งไม่ควรที่จะปกปิดข้อมูลเนื่องจากเป็นวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะอำเภอปากพนัง พื้นที่ติดชายทะเลมีพื้นดินหายไปแล้วกว่า 1 หมื่นไร่ บางจุดทะเลอยู่ห่างกว่า 5 กม. แต่เวลานี้ทั้ง 5 กม. กลายเป็นทะเล ซึ่งขอให้ยอมรับความจริง และแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมมากกว่าการสร้างภาพ โดยเฉพาะความเดือดร้อนของชาวบ้านกลายเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์จากบางกลุ่ม