ปัตตานี - เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยื่นหนังสือให้การสนับสนุน พ.ร.บ.บุหรี่ฉบับใหม่ พร้อมแลกเปลี่ยนสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อปกป้องเด็ก เยาวชน สตรีให้มีสุขภาวะที่ดี และปลอดพ้นจากภัยยาเสพติด
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี กลุ่มผู้หญิงในนาม เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เครือข่ายสตรีภาคใต้ และมูลนิธิเพื่อนหญิง ซึ่งนำโดย นางรอซิดะห์ ปูซู ประธานเครือข่ายผู้หญิงยุติความความรุนแรงแสวงสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้พบปะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วย นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล อดีต ส.ว.ปัตตานี นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล อดีต ผวจ.ปัตตานี เพื่อยื่นหนังสือขอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ให้การสนับสนุนพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งจะต้องพิจารณากฎหมายต่างๆ รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยน สถานการณ์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทางเลขาธิการ ศอ.บต. นายภาณุ อุทัยรัตน์ ได้ขอให้ทางแกนนำสตรีได้ช่วยกันทำงาน และเป็นตัวกลางในการเสริมสร้างความเข้าใจต่อประชาชน และลงพื้นที่เยี่ยมเยียนช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน ด้อยโอกาส หรือผู้พิการ หรือประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
นางรอซิดะห์ ปูซู กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้สูบบุหรี่ในประเทศสูงถึง 10 ล้านกว่าคน และมีแนวโน้มว่า เยาวชน หญิง ชายเริ่มสูบบุหรี่มีจำนวนมากขึ้นในแต่ละปี นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มสตรี และสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสอง และมือสามที่มีผลต่อสุขภาวะของครอบครัว และเป็นต้นเหตุของการที่ทำให้เยาวชนติดยาเสพติด จึงได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจต่อแกนนำสตรี และประชาชนทั่วไป และได้ร่วมลงชื่อสนับสนุนพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ทั่วประเทศ 264,954 รายชื่อ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
จึงขอเรียกร้องให้ทางสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้สนับสนุน และผลักดันรับร่างกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ โดยเร็ว เพื่อปกป้องเด็ก เยาวชน สตรีให้มีสุขภาวะที่ดี และปลอดพ้นจากภัยยาเสพติด และได้พิจารณาเลือกผู้แทนของภาคประชาชนที่ทำงานในด้านการศึกษาผลกระทบจากการสูบบุหรี่ และผลข้างเคียงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม รายได้ ครอบครัว ได้เข้าไปเป็นผู้แทนในโควตาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วย
พร้อมกันนี้ ขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายบุหรี่ฉบับใหม่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรัฐบาลได้คงสาระสำคัญเนื้อหาของกฎหมายที่ภาคประชาชนได้นำเสนอไว้ใน 2 ข้อหลัก ดังนี้
1.ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ โรงงานยาสูบไทย โรงงานยาเส้นที่ทำเป็นอุตสาหกรรม ให้มีการเพิ่มข้อห้ามการโฆษณาทางอ้อม เช่น ห้ามการสื่อสารการตลาดในสื่อต่างๆ รวมถึงการใช้สื่อบุคคล (พริตตี้) และการโฆษณาโดยใช้ชื่อบริษัทบุหรี่ ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ห้ามเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ของบริษัทบุหรี่ในทุกสื่อ (ปัจจุบันห้ามเพียงสื่อวิทยุ และโทรทัศน์) และในทุกสถานที่ รวมถึงโรงภาพยนตร์
เพิ่มมาตรการป้องกันการแทรกแซงนโยบายจากอุตสาหกรรมยาสูบ เช่น ห้ามส่วนราชการรับการอุปถัมภ์จากธุรกิจยาสูบ กำหนดแนวทางและขั้นตอนการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับบริษัทบุหรี่ กำหนดให้บริษัทบุหรี่ต้องจัดส่งรายงานประจำปีให้คณะกรรมการควบคุมยาสูบ
2.ร้านค้าปลีกยาสูบให้เพิ่มมาตรการป้องกันการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบของเยาวชน เช่น ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบแก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามแบ่งขายบุหรี่ซิกาแรตเป็นมวนๆ ห้ามแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบ ณ จุดขายปลีกยาสูบ รวมถึงต้องแสดงสื่อรณรงค์พิษภัยยาสูบ
นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล กล่าวว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดจากการสูบบุหรี่เป็นประเด็นใหญ่ และเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบของคนทั้งประเทศ ซึ่งทาง สนช. และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว สำหรับตนนั้นเห็นด้วย และเห็นว่ารัฐบาลนี้จะต้องเอาจริงเอาจังต่อปัญหานี้ สำหรับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้นำศาสนาจะต้องเข้ามามีบทบาทในการเชิญชวนไม่ให้สูบบุหรี่ เช่น มัสยิดจะต้องเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่
ดูคำแปล
