ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ขบวนรณรงค์ของเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ เพื่อต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ประชาชนให้การสนับสนุนอบอุ่น ขณะที่เวทีอภิปรายมีนักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมสลับกันขึ้นปราศรัยคึกคัก นักศึกษาชี้อย่างหวังอะไรมากจากรัฐบาลทหาร
วันนี้ (21 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนขบวนรณรงค์คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ (PERTAMAS) ที่จัดขบวนเดินรณรงค์ในเขตเทศบาลเมืองเทพาในวันนี้มีผู้เข้าร่วมเดินรณรงค์จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินขบวนมีความคึกคักมาก ชาวเทพา และเครือข่ายทั้งที่มาจาก อ.หาดใหญ่ อ.จะนะ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และจาก จ.ปัตตานี มาร่วมกันโดยมีนักศึกษาจาก 2 มหาวิทยาลัย คือ ราชภัฏยะลา กับ ม.อ.ปัตตานี
โดยในส่วนของนักศึกษาราชภัฏยะลามีการทำขบวนล้อการเมือง คือ ล้อเลียนการทำเวที ค.1 ที่แจกข้าวสาร แจกเสื้อโต๊บ ส่วนเวทีรายงาน ค. 3 ที่มีการปิดกั้นประชาชนเข้าร่วม ซึ่งได้รับความสนใจ และสร้างสีสันได้อย่างมาก
นายดิเรก เหมนคร ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เปิดเผยว่า การเดินรอบตลาดในเขตเทศบาลเมืองเทพาจะเห็นธงสีชมพูปักตามเสาไฟฟ้าเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นธงสัญลักษณ์ที่ กฟผ.ให้คนมาติดไว้เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้ก่อนการเดินรณรงค์ แต่เมื่อพบกับแนวขบวนธงเขียวที่โบกสะบัด ธงชมพูแทบจะไร้ความหมายไปเลย
“ประชาชนในตลาดให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ออกมาถ่ายรูป โบกมือ ส่งยิ้มให้ เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเมืองเทพา เมื่อเดินรอบตลาดแล้วมาสิ้นสุดที่ลานวัฒนธรรมหน้าที่ว่าการอำเภอ นั่งทานอาหารเที่ยง แล้วเปิดเวทีปราศรัยเพื่อเรียนรู้เรื่องถ่านหินต่อไป”
นายดิเรก กล่าวและว่า บนเวทีเป็นบรรยากาศการไฮปาร์ก เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเวทีขึ้นพูดทีละคนเพื่อแสดงจุดยืน เพื่อให้ความรู้ เพื่อปลุกใจปลุกขวัญชาวบ้าน โดยมีนักศึกษา ม.อ.ปัตตานี กลุ่มที่ได้มาร่วมรณรงค์วันนี้ และมีประสบการณ์ที่ได้ไปร่วมการแสดงอารยะขัดขืน และคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่กรุงเทพฯ
“นักศึกษาเล่าว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล เขาและชาวบ้านได้มีโอกาสไปพูดคุยกับทีมงานทหาร และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุยกันเป็นชั่วโมง แต่สิ่งที่รับรู้ได้คือ ทหารไม่เข้าใจ ทีมงานนายกฯ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้แต่ว่าจะสร้างโรงไฟฟ้า รับฟังแต่ไม่ได้ยิน ไม่คิดจะเข้าใจ การรวมพลังชาวบ้านในพื้นที่ให้เข้มแข็งจึงสำคัญอย่างที่สุดเพื่อปกป้องชุมชน อย่าหวังอะไรมากจากรัฐบาลทหาร”