ปัตตานี - ปชช.แห่เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัว “ปอเนาะญีฮาดวิทยา” หลังครอบครัวขนาดใหญ่ จำนวน 14 ชีวิต ตัดสินใจอพยพออกจากปอเนาะมาอาศัยบริเวณมัสยิด สร้างความสะเทือนใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก
วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า และสภาพเป็นอยู่ครอบครัวของ นายดุลเลาะ แวมะนอ ที่ได้ตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์สู้คดีแพ่ง หลังจากที่ศาลแพ่งมีคำสั่งริบทรัพย์สินเป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนญีฮาดวิทยา หรือปอเนาะบ้านท่าด่าน และตัดสินใจอพยพครอบครัวขนาดใหญ่ จำนวน 14 ชีวิต เดินออกอย่างสงบ โดยยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จึงอาศัยอาคารเรียนตาดีกา ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบมัสยิดอัสซากอฟะห์ อัลอิสลามียะห์ เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว บริเวณหมู่ที่ 3 บ้านท่าด่าน ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งห่างจากโรงเรียนญีฮาดวิทยา ประมาณ 1 กิโลเมตร
โดยบรรยากาศตลอดทั้งวันที่ผ่านมา มีชาวบ้าน ศิษย์เก่าของโรงเรียนญีฮาดวิทยา ครู อุสตาส และเพื่อนนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกัน ที่ลูกหลานของครอบครัวนี้ได้เรียนกัน ทำให้บรรยากาศนั้นกลับนิ่งสงบ เพราะทุกคนมีความรู้สึกหดหู่มากที่ได้เห็นสภาพของครอบครัว ซึ่งเป็นที่สังคมให้ความเคารพนับถือในฐานะลูกหลานของโต๊ะครูปอเนาะบ้านท่าด่าน แต่ต้องมาทนกับสภาพเช่นนี้
นอกจากนั้น ยังได้มีประชาชนที่ทราบข่าวของครอบครัวนี้ต่างก็เดินทางมาเยี่ยม และให้กำลังใจพร้อมนำข้าวของ อาหารแห้ง เพื่อให้ทางครอบครัวได้ใช้อุปโภคบริโภคในยามที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะบางคนกำลังตั้งครรภ์ใกล้กำหนดคลอด มีคนพิการ มีทารก และเด็กที่ยังเล็กเป็นจำนวนหลายคน บริเวณหน้ามัสยิดดังกล่าวมีการติดแผ่นป้ายผ้าประกาศเป็นจุดให้ความอนุเคราะห์ จุดรับการให้ความช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวโรงเรียนญีฮาดวิทยา
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน นายมูฮาหมัดอาลาวี อับดุลกาเดร์ อิหม่ามมัสยิดดังกล่าว ซึ่งวานนี้ (15 ก.พ.) ได้เรียกผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิด อบต. ชรบ. ร่วมกับคณะกรรมการมัสยิด เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ และมาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่ครอบครัวนี้ และจัดบุคลคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาเยี่ยม ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมากภายหลังทราบข่าว ส่วนจะกระทบต่อการเรียนตาดีกาของเด็กนักเรียนในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ทางคณะกรรมการกำลังเตรียมพื้นที่รองรับไว้แล้ว หลังจากที่อาการตาดีกาบางส่วนใช้เป็นที่พักของครอบครัวผู้ได้ผลกระทบ ซึ่งมีความจำเป็นกว่า
ขณะเดียวกัน หน่วยทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่ได้เดินทางเยี่ยม และให้กำลังใจครอบครัว และพร้อมที่จะช่วยขนย้ายข้าวของกลับไปอยู่ที่เดิม ถ้าครอบครัวมีความประสงค์ แต่กลับถูกปฏิเสธจากครอบครัวทันที พร้อมได้ขอร้องให้เจ้าหน้าที่เคารพในการตัดสินใจของครอบครัวในครั้งนี้ด้วย เพราะครอบครัวอยากใช้ชีวิตเหมือนประชาชนทั่วไป จะได้ไม่ต้องมีใคร หน่วยงานใดเข้ามาสอบถาม เพราะคดีมันสิ้นสุดแล้ว เราไม่ยื่นอุทธรณ์ เรายอมปฏิบัติตามคำสั่งของศาลแพ่ง เมื่อยึดเป็นของแผ่นดินเราไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นอีกแล้ว
นางยาวาฮี แวมะนอ ภรรยาของ นายดูนเลาะ แวมะนอ กล่าวว่า ทางครอบครัวได้ตัดสินใจย้ายออกมาเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) เพราะเป็นวันสิ้นสุดของการขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ที่ได้ทำเรื่องไว้ก่อนหน้านี้ เหตุผลที่ไม่ยื่นเพราะรู้สึกว่า 11 ปีที่ครอบครัวเจอปัญหา หนักเกินกว่าจะรับได้อีกแล้ว ซึ่งหากต้องเจออีกคงรับไม่ไหว หลังจากนี้ อยากใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านปกติ อยากให้ทุกอย่างจบ หลังจากนี้คิดว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ดีกว่า อีกอย่างช่วงเวลาที่เราพยายามเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นอุทธรณ์ รู้สึกว่ามีบรรยากาศไม่ปกติเกิดขึ้น เพราะทั้งทหาร และ ศอ.บต.ต่างมายืนยันว่า ให้เรายื่นอุทธรณ์ให้ได้ และคดีจะชนะแน่นอน รู้สึกกลัวเลยตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ และย้ายครอบครัวออกมา ตอนนี้ก็ต้องรอข้อสรุปของศิษย์เก่า โรงเรียน และชาวบ้านจะทำอย่างไร
ด.ช.วิลดาน มะเซ็ง นักเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ของโรงเรียนอนุบาลปัญญาศาสตร์ ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กล่าวหลังจากเพื่อนๆ ที่โรงเรียนมายี่ยมว่า ตอนนี้ต้องย้ายมาอยู่ที่มัสยิด ใช้ห้องเรียนของโรงเรียนตาดีกา ซาจาดะห์ เป็นที่นอน ที่กินข้าว และที่เล่นของตัวเองและน้อง รู้สึกเสียใจ อยากกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่กลับไม่ได้เพราะถูกทหารไล่ ไม่ให้อยู่ ดีใจที่เพื่อนๆมาเยี่ยม เพื่อนทุกคนต่างบริจาคเงินให้คนละ 1 บาท 2 บาท ขอบคุณทุกคนที่ไม่ทิ้งพวกเรา
นายซำซูดิง แมฮะ ผอ.โรงเรียนอนุบาลปัญญาศาสตร์ ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวเมื่อวานก็รู้สึกเสียใจที่โรงเรียนปอเนาะต้องมาเจอปัญหาเช่นนี้ ส่วนตัวได้ติดตามข่าวโรงเรียนปอเนาะญีฮาด มาตั้งแต่ปี 2547 ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้ วันนี้ก็ได้พาเด็กนักเรียนมาเยี่ยมครอบครัวของ ด.ช.วิลดาน ซึ่งเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลปัญญาศาสตร์ ต.ปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี มาตั้งแต่เด็กเล็กชั้นอนุบาล ก็รู้สึกว่าเขาเหมือนลูกคนหนึ่ง เมื่อครอบครัวเขาเดือดร้อนทุกคนก็ร่วมเจ็บปวดกับเขาด้วย
นางติอาวอ แวดอเลาะ หรือซีคี เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งนับได้ว่าเป็นบุคคลที่ชาวบ้านให้ความนับถือเป็นอย่างมาก ได้เผยความรู้สึกในส่วนลึกว่า เมื่อวานหลังจากที่ลูกบอกว่าจะมาอยู่ที่มัสยิด ก็ได้แค่ยิ้มสู้ พยายามไม่คิด ไม่เครียดอะไร เพื่อที่ทุกคนจะได้สบายใจ ทุกอย่างที่เจอกับครอบครัวถือว่าเป็นความประสงค์ของพระเจ้า ไม่ต้องถามว่าเจ็บปวดแค่ไหนเพราะไม่มีคำพูดใดที่จะตอบได้ที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ เวียดนามยังถูกลอยน้ำ แล้วเราจะถูกลอยน้ำบ้างคงไม่เป็นไร
ร.อ.ศิริพงศ์ อังกระโทก ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4202 กล่าวว่า ทราบเรื่องจากเมื่อวาน และวันนี้ก็ได้มาเยี่ยม และชี้แจงต่อครอบครัวว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่เคยไล่ แต่กลับพยายามเข้ามาเพื่อต้องการสอบถามในเรื่องจะให้ความช่วยเหลือเพื่อรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ท.มณี จันทร์ทิพย์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เข้ามาดูแลพร้อมสร้างความเข้าใจต่อครอบครัว และตั้งใจจะช่วยเหลือในเรื่องของการฟื้นฟูโรงเรียนให้สามารถขึ้นมาสอนใหม่อีกครั้งได้ ถ้าคดีสิ้นสุดไปแล้ว เมื่อทางครอบครัวด่วนตัดสินใจเช่นนี้ ก็ต้องรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง และรอคำสั่งลงมาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
พล.ท.มณี จันทร์ทิพย์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ทางรัฐได้เปิดโอกาสให้สู้ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้คุยกับหลายฝ่ายเพื่อจะให้มีการพัฒนาพื้นที่ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นสถานที่ส่วนรวมของชุมชนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ จะสร้างเป็นมัสยิดก็ยังได้ รัฐพยายามจะทำตามกฎหมายเพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข อย่างอิสลามบูรพา เขาสามารถพัฒนาได้ เปลี่ยนวิธีคิดเพื่อพัฒนาพื้นที่ หลังจากนี้จะต้องมีการพูดคุยกับหลายฝ่ายก่อนว่า ทางจังหวัด และทาง กอ.รมน.ภาค 4 จะให้ความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง และคิดว่าจะต้องลงพื้นที่เพื่อชี้แจงให้ชาวบ้านรับทราบข้อเท็จจริงว่ารัฐไม่ได้รังแก ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ถูกก็ว่าไปตามถูก และหากผิดก็ว่าไปตามผิด เพื่อความสงบสุขของทุกคน