ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกิดภาวะปลาในสระบัวแหลมสมิหลาเมาน้ำทะเล และทยอยน็อกตายคาบ่อจำนวนมาก ชาวบ้านแห่นำสวิงไปช้อนตักจับกลับบ้าน พบสาเหตุมาจากคลื่นลมแรงซัดน้ำทะเลย้อนกลับเข้ามาภายในสระทางท่อน้ำทิ้ง ทน.สงขลา เร่งแก้ปัญหาปิดวาล์วระบายน้ำทิ้งทันที
วันนี้ (10 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุปลาที่เลี้ยงไว้ในสระบัว สถานที่ท่องเที่ยว และพักผ่อนบริเวณชายหาดแหลมสมิหลา เขตเทศบาลนครสงขลา เกิดภาวะปลาเมาน้ำทะเล และลอยขึ้นมาสู่ผิวน้ำ และทยอยน็อกตายอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพาสวิงมาช้อนตักปลาที่กำลังหมดแรง และลอยอยู่บนผิวน้ำ ซึ่งมีทั้งปลาตะเพียน ปลากราย และปลาดุก นอกจากนี้ ยังมีปลาที่น็อกน้ำลอยตายเกลื่อนสระ โดยเฉพาะตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถทนต่อสภาพน้ำเค็มได้
หลังเกิดเหตุ นายสมชาย จันทร์ประทิน รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ปลาในสระบัวเกิดอาการเมาน้ำทะเล และน็อกตาย เนื่องจากสภาพคลื่นลมในทะเลบริเวณชายฝั่งแหลมสมิหลามีกำลังแรง และภายในสระบัวมีท่อระบายน้ำทิ้งออกไปในทะเล คลื่นจึงซัดน้ำทะเลซึ่งเป็นน้ำเค็มไหลย้อนกลับเข้ามาในท่อ และไหลเข้าไปในสระบัวซึ่งเลี้ยงปลาน้ำจืดเอาไว้จำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถปรับสภาพได้ทันจึงเกิดอาการเมาน้ำทะเล และทยอยตาย
โดยทางเทศบาลนครสงขลา ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยทำการปิดวาล์วระบายน้ำทิ้งทันที และเร่งเปลี่ยนถ่ายน้ำเพื่อไม่ให้ปลาตายยกสระ ส่วนปลาที่เริ่มหมดแรงก็ให้ชาวบ้านจับไปกินได้เพราะไม่ได้เกิดจากน้ำเสีย หรือสารพิษ ถ้าปล่อยให้ตายก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อปลาในสระบัวหนักขึ้นไปอีก
สำหรับสระบัวแหลมสมิหลาสงขลา เป็นสระบัวขนาดความยาว 350 เมตร กว้าง 50 เมตร และลึก 2.5 เมตร มีปลาน้ำจืดที่ทางเทศบาลนครสงขลา ได้ทำการปล่อยเป็นจำนวนมาก ทั้งปลาตะเพียน ปลากราย ปลาดุก ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประชาชน และนักท่องเที่ยวนำอาหารมาให้ปลากินทุกวัน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ปี 2557 ได้เคยเกิดเหตุการณ์ปลาลอยตายเต็มทั้งสระบัวมาแล้วครั้งหนึ่งจากสาเหตุน้ำเน่าเสีย
