xs
xsm
sm
md
lg

“จรวดแสวงเครื่อง-ไอเอส” กับ “ภัยแทรกซ้อน” และการชิงพื้นที่ข่าวบนแผ่นดินไฟใต้ / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
คอลัมน์  :  จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์  มณีพิลึก
 
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดน โดยเฉพาะ “กลุ่มสุดโต่ง ที่ถูกบ่มเพาะให้เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐไทย ยังคงใช้ยุทธวิธีสร้างสถานการณ์ในหลายพื้นที่ เพื่อให้เป็น “ข่าวรายวันให้สาธารณะเห็นว่า ขบวนการยังมีความเคลื่อนไหวในการต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อการแบ่งแยกดินแดน
 
มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจ คือ การจัดทำรูปแบบ “ระเบิดแสวงเครื่อง” ให้เป็นเหมือนกับ “จรวดในท้องที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่ง “แนวร่วม” พยายามที่จะทำให้เหมือนกับจรวดแสวงเครื่องที่กลุ่มก่อการร้าย “ไอเอส” ใช้ในการยิงถล่มฝ่ายตรงข้ามในประเทศแถบตะวันออกกลาง
 
ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จรวดในรูปแบบเดียวกับที่พบที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ก็ไปปรากฏขึ้นเป็นคำรบสองที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
 
แน่นอนว่าข่าว และภาพที่นำเสนอโดยสื่อมวลชนถึงการพบ “จรวดแสวงเครื่อง” เป็น “ข่าวใหญ่” ที่ประชาชนให้ความสนใจ เพราะ 12 ปีของการเกิดเหตุความรุนแรงระลอกใหม่ในแผ่นดินปลายด้ามขวาน ยังไม่เคยพบระเบิดแสวงเครื่องที่มีลักษณะที่มีรูปแบบคล้ายกับจรวดอย่างที่พบเห็น
 
แม้ว่าสุดท้ายจะมีการสรุปว่า การทำระเบิดที่มีลักษณะคล้ายกับจรวดที่เป็นเพียงท่อเหล็กบรรจุดินระเบิด และมีสะเก็ดเป็นตัวทำลายล้าง ใช้วิทยุสื่อสารในการจุดระเบิด แต่ไม่ได้มีกลไกในการขับดินระเบิดอย่างที่กลุ่มไอเอสใช้ในการก่อวินาศกรรมต่อเป้าหมายในประเทศอิรัก และซีเรียแต่อย่างใด
 
ระเบิดจรวดแสวงเครื่องที่พบใน อ.หนองจิก อาจจะเป็นการพยายามเคลื่อนไหวตามกลยุทธ์ในการ “ชิงพื้นที่ข่าว” ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งถือเป็นความ “ช่ำชอง ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกขบวนการที่เคลื่อนไหวอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
 
ต่อมา มีผู้แสดงความรับผิดชอบผ่านเว็บไซต์ของ “ขบวนการพูโล เอ็มเคพี” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าพูโลกลุ่มนี้มี “คัสตูรี มะโกตา” เป็นผู้นำ และเป็นหนึ่ง “นักรบเพาเวอร์พอยส์ ที่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่เหมือกับ “ขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนต” ที่มีกลุ่มติดอาวุธที่เรียกว่าแนวร่วมปฏิบัติการก่อวินาศกรรมและโจมตีเจ้าหน้าที่ และทำเรื่องอื่นๆ ในพื้นที่
 
การที่พูโล เอ็มเคพี ที่มี นายคัสตูรี เป็นผู้นำ ซึ่งในอดีตมีฐานที่มั่นในการเคลื่อนไหวทางสื่อออนไลน์ที่ประเทศสวีเดน ออกมาปฏิบัติการในพื้นที่ จ.ปัตตานี ด้วยการประกอบจรวดแสวงเครื่อง เพื่อให้เป็นข่าวในสื่อทั้งไทย และต่างประเทศ อาจจะเป็นการสร้าง “เงื่อนไขให้เห็นถึงความสำคัญของกลุ่มพูโลทั้ง 3 กลุ่ม ซึ่งได้รวมเป็น 6 กลุ่มในเวที “การพูดคุยสันติสุข” ระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดนทั้ง 6 กลุ่ม กับตัวแทนของรัฐไทยที่มี “พล.อ.อักษรา เกิดผล” เป็นประธานการพูดคุย โดยมีรัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยแต่ละรอบแต่ละครั้ง
 
เผอิญว่าการออกมาเคลื่อนไหวของพูโล เอ็มเคพี เป็นการเคลื่อนไหวที่ “ได้จังหวะ เพราะกำลังจะมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่ 3 ในเร็วๆ นี้
 
การออกมาเคลื่อนไหวด้วยการ “สร้างสีสัน ของขบวนการพูโลกลุ่มนายคัสตูรี ด้วยการใช้ “จรวดแสวงเครื่อง” เป็นเครื่องจุดประกาย เพื่อที่จะให้รัฐไทย รู้ว่า พูโลกลุ่มนี้ก็มีกองกำลังติดอาวุธเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ และมีความก้าวหน้าในการก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดแสวงเครื่องในรูปแบบใหม่ที่เหมือนกับระเบิดแสวงเครื่องของกลุ่มไอเอส
 
เพราะแค่คำว่า “ไอเอส” เท่านั้น วันนี้ประชาชนก็รู้สึกถึงความ “สยอง” ที่เห็นจากข่าวในทุกวี่วัน รวมทั้งข่าวที่เข้ามาก่อการร้ายในประเทศอินโดนีเซีย และมีการจับกุมในประเทศมาเลเซียใกล้กับบ้านเรา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
 
จึงเชื่อว่าหากมีการนั่งโต๊ะเพื่อ “พูดคุยสันติสุข เริ่มต้นเมื่อไหร่ คนในพื้นที่ปลายด้ามขวานอาจจะเห็นปรากฏการณ์อีกหลายรูปแบบขอบกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน เพื่อที่จะ “สร้างราคา ในการเดินเกม เพื่อประโยชน์ของแต่ละกลุ่ม แต่ละขบวนการ
 
โดยเฉพาะอาจจะได้เห็น “อิทธิฤทธิ์ของขบวนการ ของกลุ่มที่ “ตกขบวนรถสันติภาพ และกลุ่มที่ “ต้องการทุบโต๊ะ การพูดคุยให้พังพาบ เพราะไม่ต้องการให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความสงบสุขตามความต้องการของประชาชน
 
เพราะการ “ยุติสถานการณ์ความไม่สงบ” หากเป็นไปได้จริง ขบวนการแบ่งแยกดินแดน และเครือข่ายที่เป็นแนวร่วมผลประโยชน์ ทั้งผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และกลุ่มผู้ทำธุรกิจนอกกฎหมาย ต่างล้วนคือกลุ่มที่ต้องสูญเสียประโยชน์อย่างใหญ่หลวง
 
วันนี้ในขณะที่สถานการณ์ความรุนแรงดีขึ้นในระดับหนึ่ง สิ่งที่ “กอ.รมน.” ต้องเร่งดำเนินการ นอกจากการพุ่งเป้าหมายไปที่ “แกนนำ และ “แนวร่วมในพื้นที่ ทั้งในการบีบพื้นที่ให้อยู่ไม่ได้ ให้ก่อการร้ายไม่ได้ และให้เข้าสู่ขบวนการ “พาคนกลับบ้านเพื่อเป็นการลดการก่อเหตุ และการเร่งระดมงานการเมืองในเรื่องของ “มวลชน” และ “การพัฒนา อย่างถึงครัวเรือนแล้ว
 
สิ่งที่ กอ.รมน.ต้องทำคือ เรื่องของ “ภัยแทรกซ้อนที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ทั้งในเรื่องสังคม และเศรษฐกิจ อย่างที่ กอ.รมน.ใน จ.สงขลา ได้เข้าตรวจสอบการทำธุรกรรมของบริษัทต่างชาติที่เข้ามากว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อประกอบธุรกิจหลายหมื่นล้าน ซึ่งอาจจะเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของประเทศ
 
รวมทั้งการจับกุม และตรวจสอบกระบวนการทำธุรกิจผิดกฎหมายขบวนการใหญ่ๆ ที่ค้าสินค้าเถื่อน ทั้งที่ชายแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และที่ อ.ควนโดน จ.สตูล
 
แม้ว่าการปฏิบัติการของ กอ.รมน.จะเป็นการ “ทุบหม้อข้าวของหน่วยงานอื่นๆ เช่น ศุลกากร ตำรวจ เป็นต้น ซึ่งต่างมีผลประโยชน์ต่อธุรกิจผิดกฎหมาย และอาจจะส่งผลให้การสะพัดของเงินในพื้นที่หดหายไป แต่ก็ทำให้ขบวนการการทำธุรกิจผิดกฎหมายหยุดลงอย่างได้ผล
 
หาก กอ.รมน.สามารถปฏิบัติการทั้งในด้านการทหาร การเมือง และภัยแทรกซ้อนในพื้นที่ไปพร้อมๆ กัน นั่นก็จะเข้าสู่ยุทธวิธี “ทุบทีละนิ้ว” หรือ “กินทีละคำ” ซึ่งนอกจากจะทำให้คนในพื้นที่เห็นถึงผลงาน เห็นถึงความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาของกองทัพ รวมถึงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้อย่างเด่นชัดขึ้นแล้ว ยังทำให้มองเห็นอนาคตข้างหน้าของแผ่นดินปลายด้ามขวานว่าจะกลับมาสู่ความสงบสุขได้จริง ไม่ใช่เป็นแค่การ “โฆษณา ชวนเชื่อ” อย่างที่ผ่านๆ มา
 
 

นายกฯ กระตุ้น ขรก. ชี้ภัยก่อการร้ายสำคัญ รับโมโหง่าย วอนดู รธน.ที่เจตนา
นายกฯ กระตุ้น ขรก. ชี้ภัยก่อการร้ายสำคัญ รับโมโหง่าย วอนดู รธน.ที่เจตนา
นายกรัฐมนตรีขอบคุณข้าราชการร่วมมือ ขอสลายสีลดอัตตารวมเป็นหนึ่ง งงปล่อยแก๊งปลอมพาสปอร์ตมาได้ยังไงถึง 25 ปี รับภัยก่อการร้ายสำคัญ ระวังพวกสุดโต่ง จี้แจงต่างชาติหลังพบมีคนบอกอันตรายที่สุดในอาเซียน ชี้แก้ปมหนี้ต้องเริ่มที่ตัวเอง ส่วนแก้แรงงานสำเร็จไปมาก ติงไม่ได้ให้คะแนนตกแต่งสถานที่ต้อนรับสวย บี้เอาผิดรีสอร์ตรุกป่า ยันไม่ฝืนประชาธิปไตย รับโมโหง่ายพร้อมปรับปรุง หนุนขึ้นค่าบุหรี่ ขอชาวบ้านอย่าโง่เสพสิ่งไม่บริสุทธิ์ ขอบคุณ สปท.-สนช.-กรธ. วอนดูเจตนาร่าง รธน.ไม่ใช่คิดเพื่อสืบทอดอำนาจ
กำลังโหลดความคิดเห็น