xs
xsm
sm
md
lg

“อีโอดี” เข้าตรวจสอบระเบิดหัวจรวด หลังพบตกใส่บ้าน ปชช.ในบาเจาะ จ.นราธิวาส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
นราธิวาส - เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบระเบิดหัวจรวด หลังพบตกใส่บ้านประชาชนใน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คาดเพื่อทำการทดลองยิงของกลุ่มก่อความไม่สงบ ชี้เป็นการปรับกลยุทธ์ในการทำร้ายเป้าหมาย

วันนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ปัตตะ มะดาวา ผกก.สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย ร.ต.ท.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยังบ้านของ นายมูฮัมมะรุสดี สาและ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 บ้านยะลูตง ม.3 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพื่อตรวจสอบ และเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในท่อเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว ที่มีลักษณะเหมือนหัวจรวด ตกอยู่ในห้องโถงกลางบ้านพักหลังดังกล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา

 
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงได้ทำการเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดดังกล่าวไปที่ลานสนามฟุตบอลของโรงเรียนตาดีกายะลูตง เพื่อทำการทำลาย โดยตรวจสอบพบว่า ระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ข้างในมีสะเก็ดระเบิดบรรจุอยู่ ซึ่งเมื่อระเบิดแล้วจะสร้างความเสียหายได้อย่างมาก และจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบสนามกีฬายะลูตง เจ้าหน้าที่พบรางที่ใช้เป็นที่จุดชนวนระเบิดดังกล่าวจากพื้นที่ใกล้เคียง

ซึ่งห่างจากบ้านของ นายมูฮัมมะรุสดี ประมาณ 200 เมตร ฐานระเบิดถูกประกอบขึ้นด้วยท่อพีวีซี ขนาด 5 นิ้ว ยาว 1 เมตร ที่ได้มีการผ่าท่อครึ่งหนึ่งแล้วนำมาประกบกันฝังลงไปในดินประมาณ 70 เซนติเมตร และมีสายไฟฟ้าจำนวนหนึ่งได้ต่อวงจรไว้กับถ่านไฟฟ้า เหมือนกับเป็นตัวจุดชนวนระเบิดลูกดังกล่าว และจากการที่เจ้าหน้าที่ใช้พลั่วขุดขึ้นมา พบว่า ภายในท่อมีคราบดินระเบิดที่ถูกเผาไหม้ทั่วทั้งอัน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานเพื่อขยายผลต่อไป

 
อย่างไรก็ตาม สำหรับการพบหัวระเบิดจรวดในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดน่าว่าจะเป็นการทดลองยิงลูกระเบิดดังกล่าว โดยที่ไม่มีเป้าหมายจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตของประชาชน และชีวิตของเจ้าหน้าที่กองกำลัง แต่ลูกระเบิดดังกล่าวพลาดเป้าไปตกบ้านของชาวบ้านโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และโชคดีที่ระเบิดลูกดังกล่าวไม่ทำงาน จึงไม่มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ

โดยการทดลองของกลุ่มคนร้ายในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมีการปรับกลยุทธ์ในการทำร้ายเป้าหมายที่เป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนการวางระเบิดที่เสี่ยงต่อการถูกจับกุม และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดน่าจะใช้วิธีการยิงใส่เป้าหมาย ซึ่งมีอานุภาพเหมือนกับการวางระเบิด ที่เจ้าหน้าที่ยากต่อการติดตาม และไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุ เพราะมีเวลาในการแฝงตัวหลบหนี ซึ่งลูกระเบิดดังกล่าวคนร้ายได้นำมาใช้ครั้งแรกในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2559 ที่ผ่านมา


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น