ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เริ่มแล้วประชุมหารือแก้ปัญหาชาวไทยใหม่พิพาท เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินทางเดินไปประกอบพิธีกรรมหน้าหาดราไวย์ ทุกหน่วยร่วมถก เจ้าของที่ยอมถอยเสนอเฉือนที่ดินประมาณครึ่งไร่ให้เป็นที่สาธารณะประกอบพิธีกรรม
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างกลุ่มชาวไทยใหม่ราไวย์ กับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าได้รับสิทธิจากเจ้าของที่ดิน คือ บริษัท บารอน เวิลด์ เทรด จำกัด ที่เข้ามาดำเนินการปิดกั้นทางเข้า-ออกที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชุมชนชาวไทยใหม่ราไวย์ หมู่ที่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2559 ที่ผ่านมา
โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น นายโชคดี อมรวัฒน์ นายขจรเกียรติ รักพาณิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายประเจียด อักษรธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัยพื้นที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชาวเล พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสวบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อัยการ ที่ดิน นายชาตรี หมาดสตูล ผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท บารอน เวิล์ด เทรด จำกัด เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน นางเตือนใจ ดีเทศก์ กรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ ทัพเรือภาค 3 ตัวแทนชาวไทยใหม่ราไวย์ ตัวแทนชาวไทยใหม่ ประกอบด้วย นายสนิท แซ่ชั่ว นายศักดิ์ชัย จรุทั้งสี่ นายบัญชา หาดทรายทอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ในขณะที่ชาวไทยใหม่ราไวย์ และเจ้าของที่ดินที่ชาวไทยใหม่ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่มารอผลการหารือดังกล่าวที่บริเวณสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความสงบเรียบร้อย
นายชาตรี หมาดสตูล ผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท บารอน เวิล์ด เทรด จำกัด เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวก่อนการประชุม ว่า วันนี้ทางบริษัทได้นำเอกสารหลักฐานการออกเอกสารสิทธิที่ดินที่เป็นโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวมาชี้แจงในที่ประชุม ซึ่งทางบริษัทมั่นใจ ว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวออกโดยถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน พร้อมทั้งจะนำเสนอทางออกของการแก้ปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นด้วยการตัดที่ดิน จำนวน 2 งาน หรือประมาณครึ่งไร่ ให้เป็นที่สาธารณะสำหรับชาวไทยใหม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันที่บริเวณใกล้กับรอยต่อระหว่างที่ตั้งชุมชนกับที่ดินของบริษัทฯ (จุดที่เกิดเหตุพิพาท) พร้อมทั้งย้ายศาลาประกอบพิธีกรรม หรือโต๊ะบาลัย มาอยู่ในบริเวณดังกล่าว
ส่วนชาวไทยใหม่จะยอมรับเงื่อนไขของบริษัทหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับชาวไทยใหม่ แต่บริษัทยืนยันว่า หลังจากวันนี้จะเดินหน้าโครงการต่อไป เพราะที่ดินที่บริจาคให้นั้นมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านบาท เนื่องจากที่ที่ดินหน้าหาดในบริเวณนั้นขายกันอยู่ที่ไร่ละ 80 ล้านบาท และหลังจากนี้หากบริษัทเข้าดำเนินการก่อสร้างตามโครงการที่กำหนดไว้จะถูกต่อต้านจากชาวไทยใหม่ บริษัทก็จะดำเนินตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้ พร้อมทั้งขอกำลังจากหน่วยงานของรัฐมาคุ้มกันต่อไป