ชุมพร - ตำรวจน้ำ ทหารเรือฝ่าคลื่นลมไปรับชาวประมงพม่า 6 คน ที่เรืออับปางกลางทะเล ต้องว่ายน้ำลอยคอขึ้นบนเกาะรอดตายกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย
จากกรณีที่เรือโชคเจริญรัตน์ เรือประมงลอบหมึกถูกคลื่นซัดอับปางจมกลางทะเลระหว่างเกาะง่าม กับเกาะกะโหลก ห่างจากฝั่งปากน้ำชุมพร ประมาณ 20 ไมล์ทะเล โดยมีลูกเรือชาวพม่าว่ายน้ำลอยคอไปขึ้นอาศัยอยู่บนเกาะมาตรา รอดตาย 6 คน ส่วนนายชัชวาลย์ สมุทรผ่อง อายุ 48 ปี หรือเบิ้ม ไต้ก๋งเรือ ถูกพบกลายเป็นศพคลื่นซัดไปติดอยู่บนชายหาดอ่าวกรวด หมู่ที่ 4 ตำบลบางน้ำจืด อ.หลังสวน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา และลูกเรือชาวพม่าอีกคนยังหายสาปสูญไม่ทราบชะตากรรมนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (27 ม.ค.) พ.ต.ต.โยธิน สีหะทิพย์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำชุมพร พร้อมด้วย เรือเอกวิสุทธิ์ ธรรมทอง ผบ.เรือตรวจการณ์ 11 กองทัพเรือภาคที่ 1 และกำลังเจ้าหน้าที่ได้นำแรงงานประมงชาวพม่าทั้ง 6 คน กลับมากับเรือ ต.11 มาขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือเทศบาลปากน้ำชุมพร โดยชาวประมงทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรย ตามร่างการมีบาดแผลถลอกเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลปากน้ำชุมพร
พ.ต.ต.โยธิน สีหะทิพย์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำชุมพร กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานว่าเรืออับปาง และลูกเรือทั้ง 6 คน รอดตายว่ายน้ำขึ้นไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนเกาะมาตรา หมู่ที่ 1 ตำบลปากน้ำ อ.เมืองชุมพร ห่างจากฝั่งประมาณ 15 ไมล์ทะเล ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา แต่ช่วงนั้นยังไม่สามารถนำเรือออกไปรับกลับเข้าฝั่งได้ เนื่องจากสถานการณ์ยังอันตราย ทะเลมีคลื่นสูง 3-4 เมตร วันนี้สภาพอากาศดีขึ้น ตนพร้อมกับทหารเรือได้นำเรือ ต.11 ออกไปรับ ซึ่งพบว่าลูกเรือทั้งหมดชาวบ้านบนเกาะได้ช่วยเหลือให้ที่พักพิง และอาหารการกินมาตลอด แต่อย่างไรก็ตาม คลื่นลมกลางทะเลก็ยังถือว่าอันตรายคลื่นลมยังไม่สงบมากนัก การเดินทางไปยังฝั่งต้องฟันฝ่าคลื่นลมอย่างระมัดระวังใช้เวลาไปกลับนานเกือบ 4 ชั่วโมง จึงนำลูกเรือทั้งหมดกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย และให้การช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป
