ยะลา - ปัญหาช้างป่าบุกรุกพื้นที่ชาวบ้านที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา ยังแก้ไม่จบ ล่าสุด ชาวบ้านสุดทนโวยหน่วยงานภาครัฐไม่เหลียวแล ทิ้งปัญหายืดยาว โยนความรับผิดชอบต่อกันจนไม่มีการเริ่มต้นแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างจริงจัง
วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักสงฆ์บ้านสันติ 2 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาช้าป่าบุกรุกพื้นที่ทำกิน และพื้นที่ทางการเกษตร จำนวนประมาณ 20 ราย ได้เดินทางมาร่วมประชุมหารือต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่า ที่กำลังสร้างปัญหาให้แก่ชาวบ้านจนไม่กล้าออกไปกรีดยางพาราตามปกติ โดยมี นายอดิมาน มะแอ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา เป็นประธานในการประชุมหารือ
และมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาช้างป่า ไม่ว่าจะเป็นปลัดอำเภอ หัวหน้าประจำตำบลแม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ตัวแทนจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลาบาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ตัวแทนจากอุทยานแห่งชาติบางลาง ตัวแทนจากกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 444 หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ยล.4 บันนังสตา เข้าหารือประชุมเพื่อหามาตรการในการแก้ไขปัญหาช้างป่าให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ แม้ว่าทางอำเภอธารโต ได้ประกาศให้พื้นที่ ต.แม่หวาด และ ต.คอกช้าง ของ อ.ธารโต จะเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากปัญหาช้างป่าไปแล้วก็ตาม ซึ่งยังคงมีช้างป่าลงมาหากินอยู่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในที่ประชุมนั้น ระหว่างการประชุมได้มีการขอข้อมูลของช้างป่าที่บุกรุกลงมาหากินในพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน การสอบถามความคิดเห็นถึงปัญหาที่ช้างป่าต้องลงมาหากินในถิ่นที่มีคนอยู่อาศัย และการทบทวนมาตรการแก้ไขปัญหาที่ได้มีการนำเสนอให้ชาวบ้านเลี้ยงผึ้ง หรือทำรั้วผึ้งป้องกันช้างป่า กรณีของมาตรการการเลี้ยงผึ้งเพื่อไล่ช้างนั้น มีข้อมูลจากในที่ประชุมว่า ไม่สามารถจะดำเนินการได้จริง เพราะปัญหาของระยะทางที่มีจำนวนยาวตามถนนไปจนถึงหมู่บ้าน และปัญหาการจัดการตลาดในการรองรับน้ำผึ้ง และสุดท้ายคือ ทั้งหมดยังไม่มีงบประมาณในการดำเนินการแต่อย่างใด เป็นเพียงแนวทางที่ได้ถูกนำมาหารือเพียงเท่านั้น
ทั้งนี้ ขณะที่ประชุมหารือกันนั้น ชาวบ้านต่างแสดงความคิดเห็นไม่พอใจในการปฏิบัติงานของภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาช้าง โดยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนแจ้งว่า ปัญหาดังกล่าวมีมานานแล้ว และแจ้งไปยังหน่วยงานภาครัฐ ทั้งอำเภอ และทางจังหวัด เดินทางร่วมหารือ ให้ข้อมูลต่อภาครัฐหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา หลังประชุมเงียบหายไปทุกครั้ง จนชาวบ้านเกิดความเอือมระอาต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และบอกว่า ประชุมไปก็เท่านั้น เหมือนเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งแต่การปฏิบัติจริงจังในการแก้ไขปัญหาไม่เคยมี
ขณะที่เมื่อกล่าวถึงสาเหตุของช้างป่าที่บุกรุกเข้ามาหากินในที่ทำกินของชาวบ้าน ก็มีหลายสาเหตุ และหลายปัจจัยหลัก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้รายงานว่า มีการพบกลุ่มลักลอบตัดไม้ในป่าฮาลาบาลา และป่าสิริกิตต์ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส และยะลา ที่มีพื้นที่รวมกันเกือบ 4 แสนไร่ ปัญหาต่อมาคือ กลุ่มพรานล่างาช้างที่เข้าไปไล่ล่าช้างป่า ที่มีงายาวใหญ่ และจะขับไล่ออกจากโขลง เพื่อต้องการงาช้าง ส่วนโขลงช้างที่ถูกขับไล่ก็ต้องหนีมาหาพื้นที่ปลอดภัย และอีกหนึ่งปัญหาคือ กลุ่มที่ลักลอบตัดไม้หอม หรือไม้กฤษณาที่ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ ตั้งแต่แนวป่าฮาลาบาลาใน อ.เบตง อ.ธารโต อ.บันนังสตา อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งติดต่อกับแนวเขตป่าของ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งกลุ่มลักลอบตัดไม้หอมนี้มีรายงานในพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งชาวบ้านเอง หรือ หน่วยงานบางหน่วยก็รับทราบข้อมูลอยู่บ้างแล้ว
ในส่วนของปัญหาเรื่องของการบุกรุกพื้นที่ป่า พื้นที่ช้างนั้นชาวบ้านบอกว่า เป็นไปไม่ได้ เมื่อทางการโดยนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นผู้จัดสรรที่ดินให้แก่ชาวบ้านตั้งแต่เมื่อเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา และแนวเขตที่อยู่อาศัยของคนในพื้นที่ก็ห่างจากป่าดิบชื้น หรือเขตป่าฮาลาบาลามาก
ทั้งนี้ ตลอดการประชุมหารือชาวบ้านก็เริ่มไม่พอใจต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาช้างป่าตลอดที่ผ่านมา เนื่องจากชาวบ้านมีการแจ้งปัญหาไปยังหน่วยงานหลายต่อหลายครั้ง และหลายปีที่ผ่านมา แต่หน่วยงานทางภาครัฐกลับโยนความรับผิดชอบไปมาระหว่างหน่วยงาน อ้างความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา จนทำให้ชาวบ้านเกิดความเบื่อหน่าย ไม่จริงจังของภาครัฐ
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าพื้นที่ป่าฮาลาบาลา ซึ่งครอบคลุมเนื้อที่ป่าไม้จำนวนกว่า 391,689 ไร่ หน่วยงานรับผิดชอบอย่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส มีเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่อยู่จริงประมาณ 50 คนเท่านั้น ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อเนื้อที่ป่าทั้งหมด
นายอดิมาน มะแอ หัวหน้าสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดยะลา ได้เผยผลของการประชุมว่า ได้มีการเสนอให้จัดตั้งชุดผลักดันช้างป่า โดยมีการร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6 หน่วย ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา อุทยานแห่งชาติบางลาง กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 444 ชุดเจ้าหน้าที่รบพิเศษ หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ยล.4 บันนังสตา และหน่วยงานของ อ.ธารโต ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ จะดำเนินการจัดตั้งเป็นชุดผลักดันช้างป่า โดยจะขอกำลังคนจากแต่ละหน่วยงานหน่วยละ 3 คน ร่วมเป็น 18 คน มาตั้งชุดอยู่ในพื้นที่บ้านสันติ 2 เพื่อออกลาดตระเวนตามเส้นทาง และคอยดูแลผลักดันช้างป่า เข้าสู่ป่า เมื่อได้รับการแจ้งจากชาวบ้านว่ามีช้างป่าลงมา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ต่อเมื่อแต่ละหน่วยงานมีความพร้อม ซึ่งจะมีการประชุมกันอีกครั้งที่อำเภอธารโต จ.ยะลา หลังจากที่ทุกหน่วยพร้อมแล้วก็จะยื่นเรื่องให้แก่ทางจังหวัดรับทราบ ซึ่งเชื่อว่าหลังมีการยื่นเรื่องดังกล่าวแล้วและทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการแต่งตั้งชุดดังกล่าวก็จะสามารถดำเนินการได้ภายในไม่เกิน 1 อาทิตย์