กระบี่ - เจ้าหน้าที่ทหารนำกำลังร่วม 10 นาย ลงพื้นที่ระงับเหตุขัดแย้งสวนปาล์มหมดอายุสัมปทานพนมปาล์ม หลังชาวบ้าน 2 ฝ่ายขัดแย้งกันรุนแรง หวั่นลุกลามบานปลายใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา
ร้อยเอกไพฑูรย์ หนูเงิน หัวหน้าฝ่ายอำนวยการด้านการข่าว พร้อมด้วย ร้อยตรีณรงค์พรหม งามทอง หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหาราบที่ 15 นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย เข้าดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันในที่ดินเขต ส.ป.ก.และ นสล.รวมเนื้อที่กว่า 6,000 ไร่ ของบริษัท พนมปาล์ม จำกัด ในพื้นที่ ม.3 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังเกิดความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ และกลุ่มมวลชนที่เข้าไปยึดพื้นที่สวนปาล์มฯ เพื่อเรียกร้องที่ดินทำกิน โดยกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ได้ตั้งจุดตรวจปิดกั้นเส้นทางทางเข้าออกเพื่อกดดันให้ออกจากพื้นที่ ส่งผลให้กลุ่มเรียกร้องที่ทำกินไม่สามารถออกจากพื้นที่ไปซื้ออาหาร และน้ำดื่มได้ โดยมี นายนิกร อุดมศรี นายก อบต.เขาพนม ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจ
นายนิกร กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านตั้งด่านตรวจบริเวณทางเข้าออก เนื่องจากภายหลังที่กลุ่มม็อบยึดสวนปาล์มเข้ามาอยู่ในพื้นที่ ได้มีการลักลอบตัดผลปาล์มน้ำมันออกจากพื้นที่ไปเป็นจำนวนมาก และสร้างความหวาดกลัวต่อชาวบ้าน ไม่สามารถออกไปกรีดยางในตอนกลางคืน จึงต้องมีการตั้งจุดตรวจคนแปลกหน้าเข้าออกพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แต่ถ้าทางกลุ่มที่เข้ายึดสวนปาล์มรับปากว่า จะไม่มีการตัดผลปาล์มในพื้นที่ ทางชาวบ้านก็จะปล่อยให้เข้าออกได้ตามปกติ ขณะที่ตัวแทนกลุ่มไร้ที่ทำกินระบุว่า หากใครขโมยตัดผลปาล์มในพื้นที่ ส.ป.ก.หรือ นสล.ก็ให้ดำเนินการจับกุมตามกฎหมายเพราะไม่รู้ว่ากลุ่มไหนที่เข้าไปตัดผลปาล์ม และยืนยันว่ากลุ่มไร้ที่ทำกินจะไม่ตัดผลปาล์มโดยเด็ดขาด
ด้าน ร้อยเอกไพฑูรย์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และสร้างความเข้าใจต่อชาวบ้านทั้ง 2 กลุ่ม ไม่ให้เกิดความขัดแย้งกันอันจะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งหากเกิดความรุนแรงเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นจะต้องนำกำลังเข้ามาควบคุมพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งจะทำให้เดือดร้อนกันหลายฝ่าย ขอให้ทั้งสองฝ่ายทำข้อตกลงกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทีหลัง ในส่วนของการเพิกถอนสิทธิ หรือการนำที่ดินมาจัดสรรให้ชาวบ้านนั้นเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ชาวบ้านทั้งสองกลุ่มก็รับปากว่าจะไม่ให้เกิดความขัดแย้งกันอีก และในส่วนของปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะไปทำความตกลงกันเองอีกครั้ง