นครศรีธรรมราช - คลื่นลมยังถล่มชายฝั่งนครศรีธรรมราชอย่างรุนแรง ชาวบ้านเหยื่อทะเลกลืนแผ่นดินวอนสอบการดูดทรายริมหาด เชื่อเป็นเหตุให้เกิดการกัดเซาะที่รุนแรงมากขึ้น ยอมรับสภาพจนใจไร้ทางการเหลียวแล
วันนี้ (28 ธ.ค.) สภาพคลื่นลมที่ซัดเข้าหาฝั่งบ้านหน้าโกฐิ บ้านท่าพญา และบ้านขนาบนาค ต.ท่าพญา และ ต.ขนาบนาค อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช อย่างรุนแรงมากกว่าช่วงต้นฤดูมรสุมที่ผ่านมา ขณะที่บ้านเลขที่ 76 หมู่ที่ 2 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นของครอบครัวนายไพบูลย์ สังขไพฑูรย์ ที่อยู่ในสภาพเหลือเพียงเสาตัวเรือน และเริ่มที่จะทรุดตัวลงไปในทะเล หลังจากที่น้ำทะเลกัดเซาะอย่างรุนแรง
ส่วนตัวบ้านนั้น กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 41 ได้เข้าให้การช่วยเหลือรื้อถอนวัสดุได้ทันก่อนที่จะพังลงทะเล ขณะที่ครอบครัวของนายไพบูลย์ ได้อาศัยอยู่ในบ้านญาติ และแนวคลื่นได้เริ่มซัดขึ้นมาจนถึงตัวบ้านแล้ว โดยเชื่อว่าในฤดูกาลถัดไปบ้านหลังนี้จะถูกกัดเซาะจนพังอีกหลังแน่นอนหากยังไม่มีการแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของนายไพบูลย์ เชื่อว่าสาเหตุที่แนวที่ดินของบ้านที่อาศัยมากกว่า 30 ปี รวมทั้งตัวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นที่กัดเซาะอย่างรุนแรงนั้น เกิดจากการดูดทรายที่อยู่ห่างจากที่ดินของพวกเขาไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร ซึ่งไม่ใจว่าเป็นของหน่วยงานภาครัฐหรือของเอกชน ตรงบริเวณริมหาดปากประตูระบายน้ำฉุกเฉินจำนวนมาก และใส่รถบรรทุกขนาดใหญ่ไปแล้วนับพันเที่ยว โดยไม่รู้ว่าขนส่งไปไว้ที่ไหน ซึ่งเมื่อมีการดูดทรายออกไปกระแสคลื่นจึงกัดเซาะทรายจากที่อื่นรวมทั้งที่ดินของพวกเขาลงไปในจุดที่มีการดูดทราย และระบุด้วยว่า ไม่มีความสามารถที่จะไปเคลื่อนไหวต่อสู้ร้องเรียนต่อกลุ่มที่มีอำนาจได้
ต่อมา ได้มีการตรวจสอบบริเวณที่มีการดูดทราย พบว่า เรือดูดทรายลำเขื่องได้แล่นเข้ามาจอดหลบคลื่นลมที่มีความรุนแรงห่างจากปากคลองไม่ถึง 200 เมตร พร้อมทั้งยังมีท่อดูดทรายที่ถูกลากมาหลบคลื่นลมเช่นเดียวกัน ส่วนบริเวณฝั่งนั้นพบว่า มีทรายจำนวนมากถูกดูดมากองสูงกว่า 10 เมตร รอการขนย้าย ส่วนบริเวณทางเข้านั้นพบว่า มีร่องรอยของรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นเข้าออกอย่างเห็นได้ชัด และบริเวณพื้นที่การดูดทรายดังกล่าวนั้นไม่มีป้ายระบุว่าเป็นของหน่วยงานใด หรือเอกชนรายใดเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว