ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าท่าภูเก็ตคุมเข้มเรือโดยสาร และเรือสปีดโบตก่อนออกจากท่า รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงเทศกาลปีใหม่กว่าวันละ 13,000 คน ส่งเจ้าหน้าที่คุมทุกท่าเรือ จะออกจากฝั่งได้ก็ต่อเมื่อไม่บรรทุกน้ำหนักเกิน มีเสื้อชูชีพ และอุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อมเท่านั้น ขณะที่ผู้ประกอบการโอดนักท่องเที่ยวลดลงกว่าร้อยละ 20 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีที่แล้ว
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (28 ธ.ค.) นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รักษาการณ์ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจความพร้อมของท่าเรือ และเรือโดยสาร รวมทั้งเรือสปีดโบต ที่จะนำนักท่องเที่ยวออกไปท่องเที่ยวยังเกาะแก่งต่างๆ ในทะเลอันดามัน เพื่อรองรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลเป็นจำนวนมาก ณ บริเวณท่าเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นท่าเรือท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะพีพี และเกาะแก่งอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
โดยการตรวจตราความพร้อมของเรือโดยสารในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าภูมิภาคที่ 5 ได้เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ ห้ามเรือบรรทุกเกินน้ำหนัก และต้องมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบตามจำนวนผู้โดยสาร และโดยเฉพาะเรือสปีดโบตจะออกจากท่าได้นั้นผู้โดยสารทุกคนจะต้องสวมเสื้อชูชีพเท่านั้น และหากเรือลำใดไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวจะไม่อนุญาตให้ออกจากท่าโดยเด็ดขาด
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 กล่าวว่า การออกตรวจความพร้อมของเรือโดยสารในวันนี้ เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติใช้บริการท่าเรือต่างๆ ของภูเก็ตเดินทางไปท่องเที่ยวทางทะเลเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 13,000 คนต่อวัน ซึ่งการตรวจตราความพร้อมของเรือโดยสารนั้น ทางเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ได้ดำเนินการตลอดทั้งปี เพราะในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางออกจากท่าเรือในภูเก็ตกว่าวันละ 10,000 คนอยู่แล้ว แต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ อาจจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมาตรการในการดูแลความปลอดภัยนั้นดำเนินการตลอดทั้งปี
โดยเน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันจะส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำท่าเรือทุกท่าในภูเก็ต เพื่อตรวจความพร้อมของเรือก่อนออกจากท่าเรือ ซึ่งเรือที่จะออกจากท่าเรือได้นั้นจะต้องไม่บรรทุกเกินน้ำหนัก จะต้องมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อม โดยเฉพาะเสื้อชูชีพ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น และสำคัญมากๆ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุทางทะเลขึ้นการสวมเสื้อชูชีพจะทำให้ผู้ที่ประสบเหตุลอยตัวอยู่ในทะเลได้หลายชั่วโมง เพื่อรอหน่วยงานต่างๆ เข้าให้การช่วยเหลือ แต่หากไม่สวมเสื้อชูชีพจะอยู่ทะเลได้แค่ 3-5 นาทีเท่านั้น ดังนั้น เรือที่จะออกจากท่าได้จะต้องมีความพร้อมในเรื่องของเสื้อชูชีพ รวมไปถึงความพร้อมด้านต่างๆ ของเรือ และคนขับเรือ
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดความเร็วของเรืออีกด้วย โดยเฉพาะเรือสปีดโบตนั้น ห้ามขับเกิน 5 นอตในบริเวณการจราจรหนาแน่นตามเกาะต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปจำนวนมาก ท่าเรือฉลอง รัษฎา เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการประกาศแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการเรือสปีดโบตทั้งหมดแล้ว
นายภูริพัฒน์ ยังกล่าวถึงความพร้อมของภูเก็ตในการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหากเกิดอุบัติเหตุทางทะเล ว่า ภูเก็ตมีความพร้อมในการให้การช่วยเหลืออยู่แล้วในนามของ ศรชล.เขต 3 ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายๆ หน่วย รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์ควบคุมเรือ และให้เรือโดยสาร เรือสปีดโบตติดระบบ AIS ทุกลำ เพื่อทางศูนย์จะได้ทราบตำแหน่งที่ตั้งของเรืออย่างชัดเจนหากเกิดอุบัติเหตุขึ้ นการให้ความช่วยเหลือก็จะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวระบุว่า ช่วงปีใหม่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติ แต่ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 20-25% ซึ่งมีผลมาจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในต่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายบุญส่ง เรืองพานิชภิบาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท Andaman Wave Master จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการเรือโดยสารขนาดใหญ่จากท่าเรือรัษฎา ไปยังเกาะพีพี กล่าวว่า ช่วงนี้ใกล้ถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติประมาณ 20-30% และเชื่อว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลปีใหม่จริงๆ จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้นอีก
โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเดินทางจากท่าเทียบเรือรัษฎา เพื่อไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ทั้งในจังหวัดภูเก็ต กระบี่และ พังงา อยู่ที่วันละประมาณ 2,000-2,500 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป ตะวันออกกลาง มีจีนเสริมเข้ามาบ้างประมาณ 10% แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 20-25% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจ และการเมือง ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าที่จะเดินทางเข้ามา ส่วนนักท่องเที่ยวคนไทยปกติถ้าเป็นช่วงเทศกาลไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เพราะคนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวทางภาคเหนือมากกว่า
นายบุญส่ง ยังได้กล่าวต่อไปถึงการให้บริการผู้โดยสารทางเรือ ว่า สำหรับผู้ประกอบการนั้นจะให้ความสำคัญเรื่องของความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวเป็นหลักสำคัญ ซึ่งจะเน้นย้ำกับกัปตันเรือ และลูกเรือตลอดเวลาให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวมาเป็นอันดับหนึ่ง รวมทั้งเรื่องของความสะดวกสบาย เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เลือกเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล