ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หนุ่มนครศรีธรรมราช ก่อเหตุชิงทรัพย์ในร้านสะดวกซื้อ พนักงานไม่ยอมส่งเงินให้โกรธชกหน้าก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือวิ่งหนี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับได้ อ้างต้องการเงินเป็นค่าเดินทางไปหาภรรยาที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (16 ธ.ค.) พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหาชิงทรัพย์ ว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.58 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายพิชัย เหลือสุข อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1819 ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแลคซี่วิน สีดำ ราคา 7900 บาท โดยสามารถจับได้ที่บริเวณจอดรถโรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ เมื่อง จ.ภูเก็ต
พ.ต.ท.สมศักดิ์ กล่าวถึงการจับกุมครั้งนี้ว่า เมื่อช่วงเวลา 03.24 น.ของวันที่ 15 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนร้ายเข้าไปชิงทรัพย์ภายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาถนนมนตรี อ.เมือง จ.ภูเก็ต และได้ทำร้ายพนักงานได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งคนร้ายได้หยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแลคซี่วิน สีดำ ราคา 7,900 บาท ของพนักงานไปด้วย โดยได้วิ่งหนีไปทางสี่แยกถนนมนตรี และระหว่างที่คนร้ายวิ่งกำลังหลบหนีไปนั้น ร.ต.ต.สมาน พรหมหอม รอง สวป.สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณป้อมขุนเลิศ ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านสะดวกซื้อดังกล่าวมากนัก เห็นคนร้ายวิ่งหนีมาจึงได้วิ่งไล่ตาม และเรียกกำลังเสริม โดยคนร้ายได้วิ่งเข้าไปยังบริเวณลานจอดรถโรงแรมเพิร์ล จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ปิดทางออกของโรงแรม จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
จากการสอบสวนผู้ต้องหา บอกว่า ตนเองได้ทำงานรับจ้างทั่วไป ก่อนเกิดเหตุได้มานั่งอยู่ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เมื่อไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้บริการจึงได้เดินเข้าไปภายในร้าน 7-11 สาขาดังกล่าว และได้เดินเข้าไปภายในเคาน์เตอร์ จากนั้นข่มขู่ให้พนักงานของร้านส่งเงินให้ แต่พนักงานไม่ยินยอมที่จะส่งเงินให้จึงได้ทำร้ายร่างกายโดยชกเข้าไปที่ใบหน้าหลายครั้ง และเห็นโทรศัพท์มือถือของพนักงานตกลงพื้นจึงได้หยิบโทศัพท์แล้ววิ่งหนีออกจากร้านไปทางสี่แยกถนนมนตรี ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหน้าป้อมขุนเลิศ จึงได้วิ่งไล่ตามตนจนถูกจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งตนต้องการเงินเป็นค่ารถเดินทางไปหาภรรยาที่ จ.นครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (16 ธ.ค.) พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยถึงการจับกุมตัวผู้ต้องหาชิงทรัพย์ ว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.58 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายพิชัย เหลือสุข อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1819 ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแลคซี่วิน สีดำ ราคา 7900 บาท โดยสามารถจับได้ที่บริเวณจอดรถโรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ เมื่อง จ.ภูเก็ต
พ.ต.ท.สมศักดิ์ กล่าวถึงการจับกุมครั้งนี้ว่า เมื่อช่วงเวลา 03.24 น.ของวันที่ 15 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนร้ายเข้าไปชิงทรัพย์ภายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาถนนมนตรี อ.เมือง จ.ภูเก็ต และได้ทำร้ายพนักงานได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งคนร้ายได้หยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแลคซี่วิน สีดำ ราคา 7,900 บาท ของพนักงานไปด้วย โดยได้วิ่งหนีไปทางสี่แยกถนนมนตรี และระหว่างที่คนร้ายวิ่งกำลังหลบหนีไปนั้น ร.ต.ต.สมาน พรหมหอม รอง สวป.สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณป้อมขุนเลิศ ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านสะดวกซื้อดังกล่าวมากนัก เห็นคนร้ายวิ่งหนีมาจึงได้วิ่งไล่ตาม และเรียกกำลังเสริม โดยคนร้ายได้วิ่งเข้าไปยังบริเวณลานจอดรถโรงแรมเพิร์ล จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ปิดทางออกของโรงแรม จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
จากการสอบสวนผู้ต้องหา บอกว่า ตนเองได้ทำงานรับจ้างทั่วไป ก่อนเกิดเหตุได้มานั่งอยู่ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เมื่อไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้บริการจึงได้เดินเข้าไปภายในร้าน 7-11 สาขาดังกล่าว และได้เดินเข้าไปภายในเคาน์เตอร์ จากนั้นข่มขู่ให้พนักงานของร้านส่งเงินให้ แต่พนักงานไม่ยินยอมที่จะส่งเงินให้จึงได้ทำร้ายร่างกายโดยชกเข้าไปที่ใบหน้าหลายครั้ง และเห็นโทรศัพท์มือถือของพนักงานตกลงพื้นจึงได้หยิบโทศัพท์แล้ววิ่งหนีออกจากร้านไปทางสี่แยกถนนมนตรี ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหน้าป้อมขุนเลิศ จึงได้วิ่งไล่ตามตนจนถูกจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งตนต้องการเงินเป็นค่ารถเดินทางไปหาภรรยาที่ จ.นครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป