นครศรีธรรมราช - คลื่นยังคงพัดกระหน่ำเข้าฝั่งทะเลปากพนัง ทำถนนสายปากพนัง-หัวไทร พังยับ บ้านเรือนชาวบ้านจมหาย วอนทางการเร่งช่วยเหลือ ยังไร้การเยียวยาความเดือดร้อน
วันนี้ (28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลื่นลมพัดเข้าฝั่งทะเลในพื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงมีความรุนแรงไม่แพ้เมื่อวาน (27 พ.ย.) ที่ผ่านมา จนถนนสายปากพนัง-หัวไทร บริเวณ ม.10 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง พังเสียหายต้องปิดเส้นทาง 1 ช่องจราจร ระยะทางกว่า 100 เมตร และยังมีอีกจุดที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยวดยานสัญจรไปมา โดยมีเจ้าหน้าที่จากหมวดทางหลวงหน้าสตน แขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 เข้ามาเกลี่ยดินทรายที่ถูกคลื่นซัดขึ้นมากองอยู่บนถนน และเตือนให้ผู้ขับขี่รถระวังอันตรายในบริเวณดังกล่าวแล้ว
ล่าสุด ที่ ม.2 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เกิดคลื่นซัดฝั่งเข้าบริเวณบ้านเรือนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ 2 ครอบครัว ความแรงของคลื่นส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งบ้านเรือน และถังประปาของชาวบ้านที่โดนคลื่นซัดตลอดเวลา ความสูงของคลื่นประมาณ 2-3 เมตร ชาวบ้านต้องขนย้ายเรือประมงขึ้นมาจอดไว้บนฝั่งเพื่อหนีคลื่นที่รุนแรง โดยบริเวณริมฝั่งดังกล่าวพบว่า ต้นมะพร้าวถูกคลื่นซัดจนล้มนับ 10 ต้น บ้านหลังหนึ่งที่เคยมีคนอยู่อาศัยพังเสียหายเกือบจมทะเล โดยเจ้าของบ้าน และเพื่อนบ้านมายืนดูคลื่นพร้อมทำใจจากความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างน่าอนาถ
สำหรับบ้านหลังที่อยู่ในทะเล เป็นบ้านเลขที่ 75/1 ม.2 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ของนายประจวบ ช่อผูก อายุ 53 ปี อาชีพทำประมง ระบุว่า เคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับครอบครัว ซึ่งก่อนนี้มีบ้านเรือนชาวบ้านอยู่รวม 10 กว่าครอบครัว แต่หลังจากโดนมรสุมคลื่นซัดฝั่งเข้ามาจนถึงตัวบ้านก็ย้ายกันออกไปอยู่ที่อื่นหมด เหลือเพียง 2 หลัง เพราะโดนคลื่นหนักทุกปี ตนเองเพิ่งย้ายออกจากบ้านหลังนี้เมื่อต้นปี 2558 ที่บ้าน หรือโฉนดที่ดินตอนนี้อยู่ในทะเลหมดแล้ว ส่วนทางราชการก็มากับคลื่นแล้วหายไปกันทุกปี และชาวบ้านไม่เคยได้รับการเยียวยาจากความเดือดร้อนตรงนี้