ชุมพร - ชาวบ้านชุมพร ร้องศูนย์ดำรงธรรม ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกจับสวนปาล์มปลูกมานานกว่า 20 ปี สมัยพายุเกย์ อ้างชาวบ้านรุกที่ป่าอนุรักษ์ ทำครอบครัวเดือดร้อน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร ได้มีชาวบ้านหมู่ 2, 3, 4, 5 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ประมาณ 50 คน นำโดย น.ส.อุราพร หลิมทอง รองประธานสภา อบต.ปากคลอง นายพิภพ เรืองธัมรงค์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลปากคลอง นายอนุรักษ์ เรืองธัมรงค์ ได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร จากกรณีที่มีเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่าชายเลน นำกำลังเข้าจับกุมชาวบ้านที่เข้าไปปลูกปาล์มทำกินมานานกว่า 20 ปี อ้างว่าเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ชายเลนป่าพรุกะชิง จนไม่สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตออกมาขายเลี้ยงครอบครัวได้ จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหลายคัวเรือน โดยมี นายพิชิต บุญรอด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร รับเรื่องขอความเป็นธรรมดังกล่าว
โดยตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า ชาวบ้านจาก 4 หมู่บ้านดังกล่าว กว่า 60 ครัวเรือน ได้เข้าไปทำสวนปาล์มในพื้นที่ดังกล่าวสมัยพายุไต้ฝุ่นเกย์ เมื่อปี พ.ศ.2532 ถึงปัจจุบันนานกว่า 20 ปีแล้ว บางรายอาศัยอยู่กินมาแต่ดั้งเดิมสมัยปู่ย่าตายายจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้อยู่มาก่อนที่กรมป่าไม้จะมีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าอนุรักษ์ชายเลน กระทั่งมาถึงสมัยรัฐบาล คสช. ได้มีนโยบายทวงคืนผืนป่า และมี นายวงศศิริ พรหมชนะ ผวจ.ชุมพร ในขณะนั้นได้ลงไปตรวจสอบพื้นที่แล้วสั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่ให้ชัดเจน และให้สำรวจว่ามีใครเข้าไปทำกินอยู่ก่อน และหลังการประกาศเป็นเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ชายเลน และห้ามไม่ให้มีการบุกรุก และปลูกผลผลิตเพิ่มจากเดิม พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ชะลอการจับกุมไว้ก่อน จะมีการสำรวจที่ชัดเจน จนมาปีนี้ได้เปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ได้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว จนชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปเก็บผลผลิต ทำให้ครอบครัวต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
นายพิชิต บุญรอด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร กล่าวว่า จากเรื่องเดิมนั้นจังหวัดชุมพรได้เปิดยุทธการยึดคืนผืนป่าเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา ตามนโยบายของ คสช. ซึ่งขณะนั้นมี นายวงศศิริ พรหมชนะ เป็น ผวจ.ชุมพร ซึ่งจะได้รวบรวมข้อมูลปัญหาทั้งหมดเสนอต่อ นายสมฤดี คชายั่งยืน ผวจ.ชุมพร คนปัจจุบัน และหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ป่าพรุกะชิงเป็นป่าพรุน้ำจืด ตั้งอยู่ที่ตำบลปากคลอง มีเนื้อที่ประมาณ 3,000ไร่ เป็นป่าชายเลนตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 และมติ ครม.เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543 ประกาศให้เป็นป่าอนุรักษ์ทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบของสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 43 ปะทิว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร ได้มีชาวบ้านหมู่ 2, 3, 4, 5 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ประมาณ 50 คน นำโดย น.ส.อุราพร หลิมทอง รองประธานสภา อบต.ปากคลอง นายพิภพ เรืองธัมรงค์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลปากคลอง นายอนุรักษ์ เรืองธัมรงค์ ได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร จากกรณีที่มีเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่าชายเลน นำกำลังเข้าจับกุมชาวบ้านที่เข้าไปปลูกปาล์มทำกินมานานกว่า 20 ปี อ้างว่าเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ชายเลนป่าพรุกะชิง จนไม่สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตออกมาขายเลี้ยงครอบครัวได้ จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหลายคัวเรือน โดยมี นายพิชิต บุญรอด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร รับเรื่องขอความเป็นธรรมดังกล่าว
โดยตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า ชาวบ้านจาก 4 หมู่บ้านดังกล่าว กว่า 60 ครัวเรือน ได้เข้าไปทำสวนปาล์มในพื้นที่ดังกล่าวสมัยพายุไต้ฝุ่นเกย์ เมื่อปี พ.ศ.2532 ถึงปัจจุบันนานกว่า 20 ปีแล้ว บางรายอาศัยอยู่กินมาแต่ดั้งเดิมสมัยปู่ย่าตายายจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้อยู่มาก่อนที่กรมป่าไม้จะมีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าอนุรักษ์ชายเลน กระทั่งมาถึงสมัยรัฐบาล คสช. ได้มีนโยบายทวงคืนผืนป่า และมี นายวงศศิริ พรหมชนะ ผวจ.ชุมพร ในขณะนั้นได้ลงไปตรวจสอบพื้นที่แล้วสั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่ให้ชัดเจน และให้สำรวจว่ามีใครเข้าไปทำกินอยู่ก่อน และหลังการประกาศเป็นเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ชายเลน และห้ามไม่ให้มีการบุกรุก และปลูกผลผลิตเพิ่มจากเดิม พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ชะลอการจับกุมไว้ก่อน จะมีการสำรวจที่ชัดเจน จนมาปีนี้ได้เปลี่ยนผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ได้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว จนชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปเก็บผลผลิต ทำให้ครอบครัวต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
นายพิชิต บุญรอด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร กล่าวว่า จากเรื่องเดิมนั้นจังหวัดชุมพรได้เปิดยุทธการยึดคืนผืนป่าเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา ตามนโยบายของ คสช. ซึ่งขณะนั้นมี นายวงศศิริ พรหมชนะ เป็น ผวจ.ชุมพร ซึ่งจะได้รวบรวมข้อมูลปัญหาทั้งหมดเสนอต่อ นายสมฤดี คชายั่งยืน ผวจ.ชุมพร คนปัจจุบัน และหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ป่าพรุกะชิงเป็นป่าพรุน้ำจืด ตั้งอยู่ที่ตำบลปากคลอง มีเนื้อที่ประมาณ 3,000ไร่ เป็นป่าชายเลนตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 และมติ ครม.เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543 ประกาศให้เป็นป่าอนุรักษ์ทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบของสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 43 ปะทิว
