ปัตตานี - ไม่คืบหน้า! ผ่านพ้น 1 สัปดาห์คดียิง “อดีตครูสอนตาดีกา” เสียชีวิตที่ปัตตานียังไร้วี่แวว พบเพียงรถที่ใช้ก่อเหตุยังไม่เคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่มาก่อน แถมครอบครัวยังไม่ได้รับการเยียวยาจากภาครัฐ วอนขอความเป็นธรรมดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาด้วย
วันนี้ (10 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคนร้าย จำนวน 4 คน ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน 4 ประตู สีดำ เป็นพาหนะเข้ามาก่อเหตุจ่อยิง นายอิสมาแอ ฮิเล วัย 32 ปี ภายในร้านค้าของชำในขณะที่ผู้ตายกำลังหยิบถุงใส่ข้าวของ ขณะที่คนร้ายทำทีท่าว่าจะมาซื้อของ ก่อนจ่อยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นเข้าที่บริเวณศีรษะ จำนวน 4 นัด ทำให้ผู้ตายล้มในสภาพตะแคงใบหน้าข้างซ้ายกับโต๊ะทำงาน โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 20.45 น. ริมถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา บริเวณ ม.3 ต.กระโด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่คดีกลับยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ด้าน พ.ต.อ.สมบูรณ์ พวงมาลัย ผกก.สภ.ยะรัง กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า พบเพียงรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้นไม่ได้ติดป้ายทะเบียนด้านหน้าและหลัง ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ไม่เคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่ยะรังมาก่อนหน้านี้ จึงยากต่อการติดตาม อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน และสอบสวนคดีทำงานอย่างเต็มที่ คงต้องให้เจ้าหน้าที่ทำงานไปก่อน เพราะขณะนี้ผลกระสุนปืนยังไม่ออกมา จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระบอกที่เคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่มาก่อนหรือไม่
โดยแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุอีกว่า คนร้ายหลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวหลบหนีเส้นทางรองแยกจากถนนสาย 410 เป็นถนนทางหลวงชนบทสายกระโด-มายอ เมื่อเจอด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ได้มีการกดแตรรถ 2 ครั้งแล้วขับผ่านไปอย่างลอยนวล จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ด้วย เพราะรถยนต์คันดังกล่าวยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนหน้า และหลังทำไมถึงผ่านด่านตรวจได้
ล่าสุด วันนี้ ที่บ้านเลขที่ 115/2 ม.4 บ้านโก๊ะแน ต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ภายในสวนยาง ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของผู้ตาย ได้มีญาติ และเพื่อนบ้านต่างเดินทางมาร่วมทำบุญอุทิศกุศลให้ผู้ตายหลังจากครบ 1 สัปดาห์แล้ว ทุกคนอยากรู้ผลการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ว่า พอจะรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้บ้างแล้วหรือยัง แล้วพอทราบแล้วยังว่าทำไมเขาต้องฆ่า เขาทำผิดอะไร เพราะจากการพูดคุยของพยานในที่เกิดเหตุพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับวนมาจอดบริเวณมัสยิดก่อนเมื่อช่วงเวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ตายกำลังเดินไปทำละหมาด เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก และห่างจากด่านจุดตรวจบ้านกระโดเพียงไม่เกิน 300 เมตร แต่รถกลับผ่านด่านมาได้อย่างไร แล้วหลังก่อเหตุคนร้ายก็ขับรถผ่านแยกสายกระโด-มายอ ซึ่งห่างจากด่านเพียง 20 เมตร แต่กลับไม่ถูกเรียกตรวจสอบ
ด้าน นางนูรีนะ มะสาแม ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นครูรับจ้างสอนสามัญโรงเรียนอัลอิสลามียะห์วิทยามูลนิธิ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ตั้งอยู่บ้านกูแบบอยอ ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้เล่าถึงนาทีเกิดเหตุว่า ในคืนเกิดเหตุได้อยู่ในห้องครัวกับลูกสาวเพื่อทำน้ำยาขนมจีน ส่วนสามีนั่งที่โต๊ะทำงานภายในร้านค้าของชำ ซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวกัน หลังจากนั้นได้เกิดเสียงดังขึ้นคล้ายเสียงประทัด จึงคิดว่ามีใครมาแกล้งจุดประทัดเข้ามาในร้าน จึงได้ให้ ด.ญ.ฮุสนา ลูกสาววัยเพียง 6 ขวบ ออกไปดูว่ามีเสียงอะไรข้างนอก เมื่อลูกสาวออกไปดูได้ยินเสียงลูกกรีดร้อง แล้วรีบเข้ามาบอกแม่ว่าพ่อถูกยิง จึงทำให้ตัวเองเสียใจจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้น จึงรีบออกไปพบสามีถูกยิงที่บริเวณศีรษะ ทำให้ศีรษะยุบ สภาพใบหน้าคว่ำตะแคงซ้าย ซึ่งยอมรับว่าขณะนั้นทำอะไรไม่ถูก เพราะลูกสาวตกใจหนีออกไปข้างนอก จะไปตามหาลูกก็สามีอยู่ในสภาพที่มีเพียงลมหายใจแต่ไม่รู้สึกตัวแล้ว จากนั้นจึงมีเพื่อนบ้านเข้ามาช่วยนำส่งโรงพยาบาลยะรัง ก่อนเสียชีวิตในระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี
นางนูรียะห์ มะสาแม ยังกล่าวอีกว่า สามีเป็นคนชอบช่วยเหลืองานสังคม จึงเป็นที่รักใคร่ของพี่น้องในชุมชน ไม่เคยมีความโกรธเคืองกับใครมาก่อน ถ้ามีเรื่องกับใครคงไม่มานั่งรอให้เขามายิง แต่มั่นใจตลอดว่าสามีไม่เคยขัดแย้งกับใคร มีนิสัยชอบอ่านอัลกุรอาน เป็นคนอ่านอัลกุรอานเพราะนักเรียนในพื้นที่ที่จะเข้าประชันเสียงมักมาให้ติวให้สอนเป็นประจำ และยังเป็นนักก่อรีย์ ตั้งใจที่จะเข้าร่วมงานประกวดเสียงอ่านอัลกุรอาน ที่จะมีขึ้นประมาณปลายเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ แต่มาด่วนจากไปเสียก่อน
ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเข้าประกวดการอ่านบัรซันญี (อ่านบทกลอนชีวประวัติของศาสดานบีมูฮำหมัด) ที่ทางจังหวัดปัตตานี ร่วมกับทางคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี จัดขึ้นที่บริเวณมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี และเป็นคนหนึ่งที่ได้รับใบประกาศอิหม่ามละหมาดตะรอเวี๊ยะ หรือละหมาดช่วงค่ำตลอดของเดือนรอมฎอน จากนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่สามี และครอบครัวในการติดตามดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการเยียวยาช่วยเหลือครอบครัว เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ มีเพียงกระเช้าของเลขาฯ ภาณุ อุทัยรัตน์ จึงขอขอบพระคุณมา ณ โอภาสนี้ด้วย