ตรัง - เผยเคล็ดลับการย่างหมูเมืองตรังให้มีรสชาติอร่อยจนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว ด้วยขั้นตอนแสนพิถีพิถัน และใช้ระยะเวลายาวนานแบบข้ามวันข้ามคืน
วันนี้ (4 พ.ย.) นายสมชาย พรหมทอง เจ้าของร้านโกเต่าหมูย่าง หนึ่งในผู้ประกอบการหมูย่างชื่อดังของจังหวัดตรัง กล่าวว่า เคล็ดลับในการย่างหมูให้อร่อยนั้นถือเป็นสิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และมีรสชาติยอดเยี่ยมมาช้านานแล้ว เนื่องจากย่างได้อร่อย พิถีพิถัน มีรสหวานนำ และเนื้อนุ่มหนังกรอบ จนเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองตรัง รวมทั้งชาวต่างจังหวัดที่ได้รับมอบเป็นของฝาก
ทั้งนี้ หมูย่างมักทำจากหมูพื้นเมืองที่เรียกกันว่า หมูขี้พร้า หรือหมูพันธุ์เล็ก เนื่องจากตัวไม่ใหญ่มาก และเลี้ยงกันตามธรรมชาติ ทำให้หนังมัน เนื้อพอดีกัน ซึ่งโดยทั่วไปจะคัดเลือกหมูที่หนักตัวละ 30-50 กก. มาชำแหละ และแล่เนื้อแดงออกให้มากที่สุดก่อนนำไปย่าง แต่เนื่องจากในช่วงหลังหมูขี้พร้าหาได้ยาก จึงจำเป็นต้องนำหมูฟาร์มซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า หรือหนักตัวละ 40-70 กก. ไปย่างแทน
จากนั้นนำหมูที่ผ่านการชำแหละแล้วไปหมักด้วยส่วนผสมต่างๆ โดยหมู 1 ตัว จะใช้เครื่องหมูย่างสูตรยาจีน เครื่องพะโล้ และน้ำผึ้งอย่างละ 5 ช้อนโต๊ะ รวมทั้งน้ำตาลทราย 5 กก. กระเทียมสับละเอียด 3-4 หัว เกลือ และซีอิ๊วขาวอย่างละ 2-3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนำมาผสม และทาให้ทั่วตัวหมูด้านใน แล้วหมักทิ้งไว้ 6-7 ชม. จากนั้นจึงนำมาย่างในเวลาตี 2 ตี 3 หรือที่ภาษาใต้เรียกกันว่า “หมักหัวค่ำ ย่างหัวรุ่ง”
ทั้งนี้ จะมีการนำตะขอเกี่ยวตัวหมู แล้วตรึงแขน ขา และซี่โครงเพื่อไม่ให้ตัวแฟบ ก่อนจัดวางให้หัวหมูห้อยลงไปด้านล่างของเตา พร้อมใช้กระดาษฟอยล์ปิดที่หัว แขน และขา เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกไฟไหม้ สำหรับลักษณะของเตาย่างหมู จะเป็นบ่อกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1.8-2.0 เมตร และมีช่องด้านล่างเพื่อระบายอากาศ ใช้เร่งไฟ เติมฟืน ซึ่งส่วนมากจะนิยมใช้ไม้ยางพารา เพราะเผาเป็นถ่านได้เร็วภายใน 20 นาที
หมูที่ย่างจะได้รับความร้อนจากถ่าน และถูกอบอยู่ในเตา 1 ชั่วโมงเศษ โดยทุกๆ 5-10 นาที จะมีการเปิดฝาเพื่อตกแต่งเนื้อ และหมุนตัวหมูให้ได้รับความร้อนไปทั่ว กระทั่งหนังหมูมีสีเหลืองทอง และแตกดอก ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของหมูย่าง และในช่วงนี้หมูจะมีน้ำหนักลดลงเหลือแค่ตัวละ 15-20 กก. จึงยกขึ้นมาจากเตาเพื่อใช้มีดขูดส่วนที่ไหม้ออกให้ดูสวยงาม พร้อมสับเป็นชิ้นๆ ไปขาย หรือไปเสิร์ฟได้ทันที