ชุมพร - ชาวบ้านแห่ร้องทุกข์ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เงินฝากกองทุนกลุ่มออมทรัพย์ชุมชนหมู่บ้าน เคยรับรางวัลสิงห์ทองระดับประเทศ หายนับสิบล้านบาท แต่ไร้คนรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร ชาวบ้านกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก หมู่ 10 ตำบลพะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร กว่า 30 คน พร้อมเอกสารรายชื่อสมาชิกอีกกว่า 100 คน นำโดย นางนวลอนงค์ มากบุญ อายุ 48 ปี นางบังอร พันระนา อายุ 42 ปี นางอำภา หีดฤทธ์ อายุ 42 ปี นางอำไพ สอนบุญนาค อายุ 39 ปี นายเสรี ณ มณี อายุ 37 ปี นางสุนัตธิญา เทพแสง เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร โดยมี นายวัชรินทร์ แก้วรักษ์ เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนเป็นผู้รับเรื่อง
นางนวลอนงค์ มากบุญ อดีตประธานกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก พร้อมตัวแทน และชาวบ้านร้องเรียนว่า กลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก เป็นการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้าน ชาวบ้านร่วมกันจัดตั้งเป็นกองทุนหมู่บ้านมีสมาชิกรวมกว่า 300 คน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2542 เพื่อใช้เป็นเงินกองทุนหมุนเวียนให้ชาวบ้านกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ นำไปลงทุนด้านอาชีพ การเกษตร ซื้อปุ๋ยซื้อยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ทำสวนปาล์ม ยางพารา กาแฟ และพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ จนกิจการไปด้วยดีมีเงินหมุนเวียนกว่า 8-10 ล้านบาท จนกระทั่ง 2554 ได้รับรางวัล “สิงห์ทอง” กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตดีเด่นของกรมพัฒนาชุมชน และได้เดินทางไปรับรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทางธานี กรุงเทพมหานคร
นางนวลอนงค์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อปี 2556 ตนในฐานะประธานกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก ได้ลาออกเนื่องจากมารดาตนอายุมากป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลตลอด จึงต้องไปดูคอยแลแต่ยังเป็นสมาชิกกลุ่มอยู่ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากตนลาออกปรากฏว่า เงินที่สมาชิกนำไปฝากหายไป ทราบภายหลังว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบางคนที่รับฝากเงินจากสมาชิกไม่ได้นำเงินไปเข้าธนาคาร แต่กลับนำไปใช้ส่วนตัวจนเงินกลุ่มออมทรัพย์ขาดสภาพคล่อง เมื่อตรวจสอบพบว่ามีเงินเหลืออยู่จริงแค่กว่า 6 หมื่นบาทเท่านั้น ทำให้กิจกรรมของกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก ต้องหยุดชะงัก สมาชิกที่ฝากไว้ไม่สามรถเบิกเงิน และกู้ได้ เคยไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.พะโต๊ะ และไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.พะโต๊ะ จนถึงขณะนี้นานกว่า 3 เดือนแล้ว เมื่อไปสอบถามก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ตอนแรกปรึกษากันว่าจะไปร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ก็พากันมาร้องขอความเป็นธรรมตามขั้นตอนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดก่อนดังกล่าว
ด้าน นายสังคม พลพุทธ อายุ 65 ปี กล่าวว่า ตนและครอบครัวทุกคนเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก มีอาชีพทำสวนปาล์มน้ำมัน ยาพารา ได้เงินมาจากหยาดเหงื่อแรงงานเหน็ดเหนื่อยแทบตาย นำเงินสดไปฝากไว้กับกลุ่มออมทรัพย์แห่งนี้รวมกว่า 6 แสนบาท และยังมีเพื่อนๆ สมาชิกอีกจำนวนมากที่ฝากเงินไว้รายละไม่ต่ำกว่า 10,000-100,000 บาท ไม่สามารถถอนเงินได้ เพราะเงินที่ชาวบ้าน และสมาชิกนำไปฝากไว้ไม่มี ทำให้ได้รับความเดือนร้อนอย่างมาก จึงอยากฝากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังร้องเรียน นายวัชรินทร์ แก้วรักษ์ เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร ได้บันทึกข้อความ พร้อมรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อเสนอต่อ นายพิชิต บุญรอด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร และนายสมดี คชายั่งยืน ผวจ.ชุมพร ในฐานะประธานศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดชุมพร ชาวบ้านกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก หมู่ 10 ตำบลพะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร กว่า 30 คน พร้อมเอกสารรายชื่อสมาชิกอีกกว่า 100 คน นำโดย นางนวลอนงค์ มากบุญ อายุ 48 ปี นางบังอร พันระนา อายุ 42 ปี นางอำภา หีดฤทธ์ อายุ 42 ปี นางอำไพ สอนบุญนาค อายุ 39 ปี นายเสรี ณ มณี อายุ 37 ปี นางสุนัตธิญา เทพแสง เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร โดยมี นายวัชรินทร์ แก้วรักษ์ เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนเป็นผู้รับเรื่อง
นางนวลอนงค์ มากบุญ อดีตประธานกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก พร้อมตัวแทน และชาวบ้านร้องเรียนว่า กลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก เป็นการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้าน ชาวบ้านร่วมกันจัดตั้งเป็นกองทุนหมู่บ้านมีสมาชิกรวมกว่า 300 คน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2542 เพื่อใช้เป็นเงินกองทุนหมุนเวียนให้ชาวบ้านกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ นำไปลงทุนด้านอาชีพ การเกษตร ซื้อปุ๋ยซื้อยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ทำสวนปาล์ม ยางพารา กาแฟ และพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ จนกิจการไปด้วยดีมีเงินหมุนเวียนกว่า 8-10 ล้านบาท จนกระทั่ง 2554 ได้รับรางวัล “สิงห์ทอง” กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตดีเด่นของกรมพัฒนาชุมชน และได้เดินทางไปรับรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทางธานี กรุงเทพมหานคร
นางนวลอนงค์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อปี 2556 ตนในฐานะประธานกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก ได้ลาออกเนื่องจากมารดาตนอายุมากป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลตลอด จึงต้องไปดูคอยแลแต่ยังเป็นสมาชิกกลุ่มอยู่ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากตนลาออกปรากฏว่า เงินที่สมาชิกนำไปฝากหายไป ทราบภายหลังว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบางคนที่รับฝากเงินจากสมาชิกไม่ได้นำเงินไปเข้าธนาคาร แต่กลับนำไปใช้ส่วนตัวจนเงินกลุ่มออมทรัพย์ขาดสภาพคล่อง เมื่อตรวจสอบพบว่ามีเงินเหลืออยู่จริงแค่กว่า 6 หมื่นบาทเท่านั้น ทำให้กิจกรรมของกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก ต้องหยุดชะงัก สมาชิกที่ฝากไว้ไม่สามรถเบิกเงิน และกู้ได้ เคยไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.พะโต๊ะ และไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.พะโต๊ะ จนถึงขณะนี้นานกว่า 3 เดือนแล้ว เมื่อไปสอบถามก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ตอนแรกปรึกษากันว่าจะไปร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ก็พากันมาร้องขอความเป็นธรรมตามขั้นตอนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดก่อนดังกล่าว
ด้าน นายสังคม พลพุทธ อายุ 65 ปี กล่าวว่า ตนและครอบครัวทุกคนเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์สัจจะชุมชนบ้านในจอก มีอาชีพทำสวนปาล์มน้ำมัน ยาพารา ได้เงินมาจากหยาดเหงื่อแรงงานเหน็ดเหนื่อยแทบตาย นำเงินสดไปฝากไว้กับกลุ่มออมทรัพย์แห่งนี้รวมกว่า 6 แสนบาท และยังมีเพื่อนๆ สมาชิกอีกจำนวนมากที่ฝากเงินไว้รายละไม่ต่ำกว่า 10,000-100,000 บาท ไม่สามารถถอนเงินได้ เพราะเงินที่ชาวบ้าน และสมาชิกนำไปฝากไว้ไม่มี ทำให้ได้รับความเดือนร้อนอย่างมาก จึงอยากฝากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังร้องเรียน นายวัชรินทร์ แก้วรักษ์ เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร ได้บันทึกข้อความ พร้อมรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อเสนอต่อ นายพิชิต บุญรอด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร และนายสมดี คชายั่งยืน ผวจ.ชุมพร ในฐานะประธานศูนย์ดำรงธรรม จ.ชุมพร เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป