นราธิวาส/ยะลา/ปัตตานี - ค่าฝุ่นละอองในนราฯ ยังคงเพิ่ม เช้านี้วัดได้ 137 ไมโครกรัม ขณะที่ยะลา ยังไม่คลี่คลายฝุ่นสูงถึง 175 ไมโครกรัม มีผลต่อสุขภาพประชาชน ด้านผู้ว่าฯ ปัตตานี นำเหล่ากาชาดออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัยในตลาดเทศบาลเมือง
วันนี้ (23 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพอากาศในพื้นที่ จ.นราธิวาส ช่วงเช้านี้ยังคงมีหมอกควันไฟจากอินโดนีเซียเข้าปกคลุมพื้นที่โดยรอบทั้ง 13 อำเภอ โดยวัดค่าฝุ่นละอองในอากาศได้ 137 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในภาพรวม โดยประชาชนส่วนหนึ่งในพื้นที่เริ่มนำหน้ากากมาสวมใส่บ้างแล้ว เนื่องจากหากอยู่ในที่แจ้งเป็นเวลานานจะรู้สึกแสบจมูก หายใจติดคัด และเจ็บคอ รวมถึงบางรายแสบตาตาแดง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.นราธิวาส ได้เร่งประชาสัมพันธ์ด้วยรถขยายเสียงถึงวิธีการดูแลตนเองในขั้นต้นแล้ว
ซึ่งสภาพอากาศจากบริเวณพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล อ.เมือง จ.นราธิวาส มองด้วยตาจะเห็นหมอกควันปกคลุมพื้นที่ด้านล่างโดยรอบ ซึ่งมีหมอกปกคลุมหนาแน่น มองเห็นดวงอาทิตย์ขุ่นมั่ว ขณะที่ทางจังหวัดเตรียมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมวางแนวทางในการป้องกันด้านสุขภาพให้แก่ประชาชน ซึ่งในส่วนของ จ.นราธิวาส นั้น อุตุนิยมวิทยานราธิวาส คาดการณ์ในช่วง 23-24 ต.ค.นี้ จะมีฝนตกลงมาอาจจะทำให้ค่าฝุ่นละอองในอากาศลดลงได้บ้าง
ด้านสภาพอากาศในพื้นที่ จ.ยะลา เช้าวันนี้ยังพบว่ามีหมอกควันจากประเทศอินโดนีเซีย ที่เกิดจากไฟไหม้ป่าบนเกาะสุมาตรา เข้าปกคลุมพื้นที่ จ.ยะลา เป็นจำนวนมากกว่าเมื่อวาน โดยพื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา จะมองเห็นหมอกควันหนาแน่นเต็มพื้นที่ รวมทั้งตามเส้นทางการเดินทางต่างๆ โดยในเช้าวันนี้ สำนักงานสาธารณสุข จ.ยะลา ได้จัดทีมบุคลากรสาธารณสุขให้ข้อแนะนำและแจกหน้ากากอนามัยป้องกันหมอกควันตามสถานที่ต่างๆ ได้แก่ แหล่งชุมชน จุดตรวจทหาร ตำรวจ พระสงฆ์ตามวัดต่างๆ ประชาชนที่เดินทางไปประกอบศาสนกิจตามมัสยิด ตลอดจนกลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนที่มาร่วมประกอบพิธีในวันปิยมหาราช ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก จ.ยะลา ด้วย
นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.ยะลา เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้านระลอกใหม่ที่ได้พัดปกคลุมภาคใต้ในหลายพื้นที่ รวมทั้ง จ.ยะลา เริ่มมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ทั้งทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดีเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งมีผลต่อสุขภาพจากกลิ่นควันไฟ อาจจะมีอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ระคายเคืองตา แสบตา หายใจอึดอัด
ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทีมหมอครอบครัว และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ออกให้คำแนะนำประชาชนในการปฏิบัติตัว พร้อมแจกหน้ากากอนามัยในกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคระบบทางเดินหายใจ จึงขอให้ประชาชนติดตามรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศ และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ ระวังการสูดดมหมอกควันเข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ โรคหอบหืด ในขณะที่ผู้สูงอายุ และเด็กเล็กต้องระวังเป็นพิเศษ
หากต้องออกจากบ้านควรใช้ผ้าชุบน้ำปิดปาก และจมูก หรือใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในบ้านเรือน หรืออาคาร ดื่มน้ำมากๆ หรือใช้น้ำเกลือกลั้วคอป้องกันการเจ็บคอ งดการสูบบุหรี่ งดเผาขยะ หากมีโรคประจำตัวควรเตรียมยา และอุปกรณ์ที่จำเป็น หรือถ้ามีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที ในส่วนของการใช้พาหนะควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
โดยมีรายงานจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ 23 ต.ค. ว่า ปริมานฝุ่นละออง (PM10) ในพื้นที่ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา อยู่ที่ 175 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินมาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งลักษณะดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยโรคทางเดินหายใจ และในเด็กแล้ว
ในขณะที่ นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการ จ.ปัตตานี นางประไพ แก้วสุวรรณ นายกเหล่ากาชาด จ.ปัตตานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ได้ออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนที่ตลาดเทศวิวัฒน์ เทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อให้ประชาชนป้องกันตนเอง หลังจากที่เกิดหมอกควันป่าไฟจากอินโดนีเชีย เข้ามาปกคลุมทำให้ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกินมาตรฐานสูงถึง 214 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อวานนี้ ซึ่งสถานการณ์วันนี้ดีขึ้น ฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง สามารถวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน ได้ที่ 168 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ยังถือว่าสูงเกินค่ามาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
นพ.บรรเจิด สุขพิพัฒน์ปานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ และสถานพยาบาลทุกแห่งเตรียมรับมือต่อปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน โดยให้หน่วยบริการสาธารณสุข เตรียมเวชภัณฑ์ยา และเครื่องมือจำเป็นหากมีคนไข้เข้ารับบริการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มส่งผลกระทบใน 2-3 วันนี้
