ชุมพร - อนาถหญิงวัย 45 ปี พิการร่างกายบิดงอผิดรูป อาศัยอยู่บ้านทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆ ใช้กระสอบปุ๋ยกั้นเป็นฝากันแดดฝนทั้ง 4 ด้าน ทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน โครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน รุดเข้าช่วยเหลือ
วันนี้ (22 ต.ค.) พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ร.ต.ไพฑูรย์ ย้อนเมือง ผู้บังคับหมวดปืนใหญ่ หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 25 ระนอง นายสิฑฐิชัย ช่วงชุณห์ส่อง ผจก.บิ๊กซี สาขาชุมพร พร้อมคณะทำงาน “โครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการมีส่วนร่วมแบบบูรณาการ 3 ฝ่าย อันประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ และภาคเอกชน เพื่อดำเนินงานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และผู้ต้องการขอความช่วยเหลือในเขตพื้นที่จังหวัดชุมพร หลังได้รับการแจ้งจากตำรวจสายตรวจประจำตำบล ว่า ในพื้นที่หมู 5 ตำบลวังไผ่ อ.เมือ จ.ชุมพร มีผู้ด้อยโอกาสเป็นผู้พิการ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อาศัยอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กสภาพชำรุดทรุดโทรม โดยพี่สะใภ้ที่มีฐานะยากจนต้องคอยดูแลช่วยเหลือมาเป็นเวลานาน
จึงได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวเป็นหลังสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาด 1.50 x 1.50 ม .ยกพื้นสูง 60 ซม.หลังคามุงสังกะสีสภาพเก่ามีรูรั่ว โดยเอากระสอบปุ๋ยหลายๆ ใบมาผ่าออกแล้วเย็บติดกันมาผูกด้วยเชือกทำเป็นฝากั้นรอบบ้านทั้ง 4 ด้าน ภายในบ้านพบ น.ส.กุสน เพชรอักษร อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาตั้งแต่กำเนิด อยู่สภาพเนื้อตัวมอมแมม สภาพร่างกายบิดงอผิดรูปไม่เป็นปกติ ขาลีบแห้งจนจนรัดกระดูก นอนคว่ำอยู่บนเบาะหนัง
จากการสอบถาม นางแดง แย้มรัตน์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/4 หมู่ 5 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร พี่สะใภ้ และเป็นผู้ดูแล น.ส.กุสน ได้ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้อยู่กินกับสามีซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.กุสน และมีลูกชาย 1 คน และปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินเช่าจากชาวบ้าน โดยสามีจะมีอาชีพรับจ้างทั่วไปเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และ น.ส.กุสน ที่พิการ ซึ่งได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ติดกับข้างบ้านตนในที่ดินเช่าผืนเดียวกัน ต่อมา เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา สามีตนได้เสียชีวิตลงทำให้ภาระต้องมาตกที่ตน ส่วนลูกชายได้แต่งงานแยกรอบครัวออกไปอยู่กินสร้างครอบครัวกับภรรยา แต่ก็ยังคอยมาดูแลอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ตนต้องออกหางานเพื่อนำเงินมาเลี้ยงลูก และ น.ส.กุสน น้องสามีที่พิการ แต่ก็ไม่สามารถจะทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะต้องคอยไปกลับเพื่อมาเช็ดตัว และเปลี่ยนผ้า และพาขับถ่าย แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่ น.ส.กุสน พอพูดจาโต้ตอบรู้เรื่อง ชอบเปิดฟังเพลงจากวิทยุ และแขนซ้ายพอช่วยตัวเองตักข้าวกินเองได้
นางแดง กล่าวต่อว่า แม้จะได้เงินมาบ้างจากลูกชายตนซึ่งแยกครอบครัวไปแล้ว แต่ก็ยังไม่พอต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือน อีกทั้งเงินที่รัฐบาลจะช่วยเพื่อคนพิการก็ไม่สามารถจะรับได้เนื่อง จาก น.ส.กุสน ไม่ได้แจ้งเกิดจึงไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร ทำให้ครอบครัวต้องประสบความลำบากเดือดร้อนอย่างมาก
โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่คณะทำงาน “โครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน” ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งจำเป็นอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งมามอบให้แก่ นางแดง แย้มรัตน์ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้และเป็นผู้ดูแล น.ส.กุสน เพชรอักษร เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นไปก่อน และก็จะประสานทางเทศบาลตำบลวังใหม่ เข้ามาดูแล และประสานให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้หาแนวทางในการนำเงินมาช่วยเหลือผู้พิการ และผู้เลี้ยงดูคนพิการครอบครัวนี้ต่อไป
วันนี้ (22 ต.ค.) พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ร.ต.ไพฑูรย์ ย้อนเมือง ผู้บังคับหมวดปืนใหญ่ หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 25 ระนอง นายสิฑฐิชัย ช่วงชุณห์ส่อง ผจก.บิ๊กซี สาขาชุมพร พร้อมคณะทำงาน “โครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการมีส่วนร่วมแบบบูรณาการ 3 ฝ่าย อันประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ และภาคเอกชน เพื่อดำเนินงานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และผู้ต้องการขอความช่วยเหลือในเขตพื้นที่จังหวัดชุมพร หลังได้รับการแจ้งจากตำรวจสายตรวจประจำตำบล ว่า ในพื้นที่หมู 5 ตำบลวังไผ่ อ.เมือ จ.ชุมพร มีผู้ด้อยโอกาสเป็นผู้พิการ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อาศัยอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กสภาพชำรุดทรุดโทรม โดยพี่สะใภ้ที่มีฐานะยากจนต้องคอยดูแลช่วยเหลือมาเป็นเวลานาน
จึงได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวเป็นหลังสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาด 1.50 x 1.50 ม .ยกพื้นสูง 60 ซม.หลังคามุงสังกะสีสภาพเก่ามีรูรั่ว โดยเอากระสอบปุ๋ยหลายๆ ใบมาผ่าออกแล้วเย็บติดกันมาผูกด้วยเชือกทำเป็นฝากั้นรอบบ้านทั้ง 4 ด้าน ภายในบ้านพบ น.ส.กุสน เพชรอักษร อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาตั้งแต่กำเนิด อยู่สภาพเนื้อตัวมอมแมม สภาพร่างกายบิดงอผิดรูปไม่เป็นปกติ ขาลีบแห้งจนจนรัดกระดูก นอนคว่ำอยู่บนเบาะหนัง
จากการสอบถาม นางแดง แย้มรัตน์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/4 หมู่ 5 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร พี่สะใภ้ และเป็นผู้ดูแล น.ส.กุสน ได้ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้อยู่กินกับสามีซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.กุสน และมีลูกชาย 1 คน และปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินเช่าจากชาวบ้าน โดยสามีจะมีอาชีพรับจ้างทั่วไปเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และ น.ส.กุสน ที่พิการ ซึ่งได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ติดกับข้างบ้านตนในที่ดินเช่าผืนเดียวกัน ต่อมา เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา สามีตนได้เสียชีวิตลงทำให้ภาระต้องมาตกที่ตน ส่วนลูกชายได้แต่งงานแยกรอบครัวออกไปอยู่กินสร้างครอบครัวกับภรรยา แต่ก็ยังคอยมาดูแลอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ตนต้องออกหางานเพื่อนำเงินมาเลี้ยงลูก และ น.ส.กุสน น้องสามีที่พิการ แต่ก็ไม่สามารถจะทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะต้องคอยไปกลับเพื่อมาเช็ดตัว และเปลี่ยนผ้า และพาขับถ่าย แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่ น.ส.กุสน พอพูดจาโต้ตอบรู้เรื่อง ชอบเปิดฟังเพลงจากวิทยุ และแขนซ้ายพอช่วยตัวเองตักข้าวกินเองได้
นางแดง กล่าวต่อว่า แม้จะได้เงินมาบ้างจากลูกชายตนซึ่งแยกครอบครัวไปแล้ว แต่ก็ยังไม่พอต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือน อีกทั้งเงินที่รัฐบาลจะช่วยเพื่อคนพิการก็ไม่สามารถจะรับได้เนื่อง จาก น.ส.กุสน ไม่ได้แจ้งเกิดจึงไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎร ทำให้ครอบครัวต้องประสบความลำบากเดือดร้อนอย่างมาก
โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่คณะทำงาน “โครงการคนไทยไม่ทิ้งกัน” ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งจำเป็นอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งมามอบให้แก่ นางแดง แย้มรัตน์ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้และเป็นผู้ดูแล น.ส.กุสน เพชรอักษร เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นไปก่อน และก็จะประสานทางเทศบาลตำบลวังใหม่ เข้ามาดูแล และประสานให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้หาแนวทางในการนำเงินมาช่วยเหลือผู้พิการ และผู้เลี้ยงดูคนพิการครอบครัวนี้ต่อไป
