กระบี่ - มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน โร่แจ้งความ 2 ข้อหาหนัก ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และหมิ่นประมาท ต่อ กสทช.และ กสท.พร้อมคณะรวม 18 คน หลังนำทหาร ตำรวจบุกจู่โจมรื้อถอนสาย เสาอากาศ สถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (21 ต.ค.) น.ส.จุฑารส พรประสิทธิ์ ตัวแทนมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน และคณะศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโน กว่า 30 คน พร้อมด้วย นายโกวิทย์ ประทุมสุวรรณ ผอ.สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ กระบี่ และพระสงฆ์กว่า 10 รูป เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ กรณี กสทช. และคณะจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ยอมออกใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงให้แก่สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ กระบี่ แม้จะยื่นเอกสารคำขอแล้ว จนเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายอย่างร้ายแรง โดยมี ร.ต.ท.สัญญา แก้วนุ้ย พนักงานสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิทยา เมฆไส หัวหน้าพนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองกระบี่ รับเรื่อง
น.ส.จุฑารส พรประสิทธิ์ ตัวแทนมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน กล่าวว่า ตนได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และเป็นองค์การสาธารณกุศล ลำดับที่ 829 ตามประกาศกระทรวงการคลัง มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 309/1 ม.1 ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ขอแจ้งความร้องทุกข์ และแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด ต่อ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท.นายฐากรณ์ ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. น.ส.มณีรัตน์ กำจรกิจการ ผอ.สำนักการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง (ปส.1) นายอดิเรก วีระกิจ ผอ.สำนักงาน กสทช.ภาค นายวรรณะ เศรษฐพงศ์ ผอ.สำนักงาน กสทช.เขต 11 ภูเก็ต พร้อมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ (กสท.) รวม 18 คน
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ต.ค.58 ที่ผ่านมา กสทช.เขต 11 ภูเก็ต ได้ร่วมกับทหารและตำรวจใช้อำนาจป่าเถื่อนบุกเข้ารื้อถอนสาย และเสาอากาศของสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ คลื่นความถี่ 103.25 MHz เลขที่ 175/24 ซ.ตาปาน ถ.กระบี่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมจับกุม นายโกวิทย์ ประทุมสุวรรณ ผอ.สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ กระบี่ ดำเนินคดี เป็นการทำลายทรัพย์ของสงฆ์โดยปราศจากความเกรงกลัวบาปกรรม และไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ กสทช.ได้กล่าวอ้างว่า เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเลขาธิการ กสทช.ที่สั่งให้ดำเนินคดีต่อสถานีแห่งนี้ที่ออกอากาศโดยไม่มีใบอนุญาต ที่สำคัญการเข้าตรวจค้นและตรวจยึดสมบัติของสงฆ์ที่สถานีวิทยุเสียงธรรมฯกระบี่นั้น ปรากฏเป็นข่าวผ่านทางโซเชียลของเฮลท์ นครสวรรค์ ว่า เป็นสถานีไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นภัยต่อความมั่นคง
จากลักษณะของข่าวที่สามารถให้รายละเอียดของการจับกุมตรวจค้นได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ผู้เข้าร่วมตรวจค้นคือใครบ้าง ตรวจค้นที่ไหน และยึดอุปกรณ์ใดบ้าง ทั้งๆ ที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นไม่มีผู้สื่อข่าวอยู่เลย ประกอบกับรูปที่เผยแพร่ประกอบข่าวเป็นรูปที่เจ้าหน้าที่ กสทช.ถ่ายเอง จึงมีเหตุอันควรเชื่อโดยไม่ต้องสงสัยได้ว่า ต้นตอของการปล่อยข่าวนี้ก็คือ กสทช.ซึ่งเป็นผู้นำตำรวจ และทหารเข้าทำการจับกุมตรวจค้น และยึดอุปกรณ์ต่างๆ จึงสามารถให้ข่าวได้อย่างละเอียดชัดเจน และรูปประกอบข่าวก็เป็นรูปที่ กสทช.ถ่ายเองด้วย
การให้ข่าวว่าสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ เป็นสถานีที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย และเป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นการหมิ่นประมาทมูลนิธิเสียงธรรมฯ และ กสทช.ทราบดีว่า สถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ ได้ระงับการออกอากาศมานานแล้วตั้งแต่มีประกาศ กสทช.แต่ในเมื่อเลขาธิการ กสทช. แจ้งว่า ให้ออกอากาศได้ต่อหน้าทหาร และฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ กสทช.รวมถึงคณะสงฆ์ที่เข้าร่วมประชุมรอบกุฏิองค์หลวงตาพระมหาบัวฯ ที่ผ่านมา ทำให้มูลนิธิเสียงธรรมหลงเชื่อ และให้สถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ ซึ่งเป็นลูกข่ายรับสัญญาณออกอากาศได้ แต่ต่อมา เลขาธิการ กสทช.กลับมีคำสั่งให้ทำการตรวจค้นจับกุม จากนั้นจึงมีกระบวนการปล่อยข่าวทำให้เสื่อมเสีย จึงเชื่อได้ว่า ผู้ร้องทุกข์มีเจตนาทุจริตต่อมูลนิธิเสียงธรรม และองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จึงได้แจ้งความหมิ่นประมาทอีก 1 ข้อหา และจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
พ.ต.อ.วิทยา กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป