นครศรีธรรมราช - หนุ่มวัย 25 ปี แอบหลงรักเมียนายจ้างมานานจนถูกไล่ออกจากงาน สุดท้ายวกกลับมาลอบวางเพลิงเผาบ้าน ก่อนจี้ชิงตัวเมียอดีตนายจ้างหลบหนี ก่อนถูกตามจับกุมได้ในที่สุด สารภาพหลงรักมานานตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน
วันนี้ (20 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.กฤตภพ ไทยฤทธิ์ พงส.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลักลอบวางเพลิงเผาบ้านเลขที่ 3/5 ซอยหัวนารี ถนนนาไสปรางค์ หมู่ 6 ต.โพธิ์เสด็จ ก่อนใช้มีดจี้จับตัว นางรุ่งนภา สัตย์ชัย อายุ 25 ปี ภรรยานายวินิต สัตย์ชัย อายุ 27 ปี เจ้าของบ้านขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สปาร์ค สีแดงคาดขาว ทะเบียน 1กง 1795 นครศรีธรรมราช หลบหนีไปทางสี่แยกเบญจมราชูทิศ โดยมี นายวินิต ขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน พม 9645 นครศรีธรรมราช ไล่ตามคนร้ายไปอย่างกระชั้นชิด
ต่อมา พ.ต.ท.พนม บุญช้าง สวป. ซึ่งประจำอยู่ที่ป้อมยามตำรวจฝั่งตรงข้ามได้นำกำลังออกตรวจและสังเกตเห็นรถคนร้าย และมีรถยนต์อีกคันไล่ตามมาก่อนเปิดฉากตะลุมบอนกัน จึงเข้าไปจับแยก และคุมตัวไว้ทั้งคู่ โดยเบื้องต้นพบว่า ผู้ที่ขับขี่รถยนต์ไล่ตามมาคือ นายวินิต ผู้เสียหาย จึงปล่อยตั วส่วนผู้ที่ก่อเหตุคือ นายธวัชชัย หรือโจ้ แสงระวี อายุ 25 ปี บ้านอยู่ ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช ค้นในตัวพบมีดปลายแหลม 1 เล่ม ใกล้กันมี นางรุ่งนภา อยู่ในสภาพตื่นตระหนกสุดขีด
จากนั้น ร.ต.ท.กฤตภพ ไทยฤทธิ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้เดินทางเข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ บริเวณหน้าต่างห้องเก็บของพบบันไดอะลูมิเนียมพาดอยู่โดยหน้าต่างเปิดอ้า ในขณะที่ภายในห้องพบร่องรอยเพลิงไหม้ตู้เสื้อผ้า พระเครื่อง และข้าวของอื่นๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยพบขวดน้ำพลาสติกสีขาวใส่น้ำมันเบนซินถูกไฟไหม้เล็กน้อยตกอยู่กลางห้อง ก่อนแจ้งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานนครศรีธรรมราชเข้าตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ นายวินิต สัตย์ชัย อายุ 27 ปี เจ้าของบ้านให้การว่า ตนประกอบอาชีพรับเหมาปักเสาและเดินสายไฟฟ้า ส่วน นายธวัชชัย หรือโจ้ เป็นลูกจ้างที่ทำงานอยู่กับตน ซึ่งตามปกติ นายธวัชชัย พักอยู่ด้วยกัน แต่ระยะหลังมักมีอาการชอบพอภรรยาของตนจนออกนอกหน้า สร้างความรำคาญให้แก่ภรรยา และตนเองอย่างมาก จึงตัดสินใจเลิกจ้าง จนนายธวัชชัย กลับบ้านหายไปหลายเดือน
จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ และเสียงสุนัขเห่าเมื่อออกมาดูจึงพบว่า นายธวัชชัย ปีนขึ้นไปบนชั้น 2 และได้จุดไฟเผาบ้าน จึงพยายามช่วยกันดับไฟ ปรากฏว่า แทนที่นายธวัชชัย จะหลบหนีกลับบุกเข้ามาใช้มีดจี้บังคับ นางรุ่งนภา บังคับให้ซ้อนท้ายจักรยานยนต์หลบหนี ซึ่งตนเองได้ขับรถยนต์ออกไล่ตามจนทัน และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยไว้ได้
ส่วนนายธวัชชัย หรือโจ้ แสงระวี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลงรักนางรุ่งนภา เมียนายจ้างมาก่อนที่จะแต่งงานกับ นายวินิต จนเมื่อนางรุ่งนภา แต่งงานกับนายวินิต และมีบุตรสาว 1 คน อายุ 6 ขวบ จึงตัดสินใจให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งฝากให้เข้าทำงานเป็นคนงานปักเสา และเดินสายไฟฟ้ากับนายวินิต เพื่อที่จะมีโอกาสใกล้ชิด แต่ภายหลังนายวินิต รู้จึงไล่ออกจนต้องกลับไปอยู่บ้าน จนในที่สุดได้ตัดสินใจย้อนกลับมาอีกครั้งโดยวางแผนว่าจะเผาบ้านก่อนเพื่อดึงความสนใจจากนายวินิตให้รีบดับไฟ จากนั้นจึงเป็นโอกาสที่จะจี้นางรุ่งนภา พาหนีไป
ร.ต.ท.กฤตภพ ไทยฤทธิ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีกล่าวว่า นายธวัชชัย หรือโจ้ ผู้ต้องหากระทำความผิดหลายข้อหา แต่ในเบื้องต้น ได้แจ้งข้อหาลอบวางเพลิงเผาทรัพย์สินของผู้อื่น และพกพาอาวุธมีดโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นๆ ทั้งการบุกรุกเคหสถานยามวิกาล หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า จะทำการสอบสวนปากคำ นายวินิต และนางรุ่งนภา ในฐานะผู้เสียหาย รวมทั้งน้องสาวของ นายวินิต ในฐานะพยานอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง หากมีพยานหลักฐาน หรือเข้าข่ายการกระทำความผิดจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อ นายธวัชชัย หรือโจ้ ผู้ต้องหารายนี้เพิ่มเติมต่อไป
