ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เปิดใจต่อข้าราชการตำรวจในสังกัดถึงเหตุการณ์ชาวบ้านก่อจลาจลทั้งปิดถนน เผารถ ทุบทำลายกระจกสถานีตำรวจภูธรถลาง เชื่อทุกคนเสียใจอยากออกไปจับกุม แต่ก็ต้องอดทนในการทำงาน ยอมที่จะเจ็บตัวเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย
พล.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อข้าราชการตำรวจที่เดินทางมาร่วมในพิธีวันตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นที่ลานหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ถึงเหตุการณ์ชาวบ้านปิดถนน และปิดล้อมสถานีตำรวจถลาง รวมทั้งวางเพลิงเผารถยนต์ ทุบทำลายกระจกของอาคาร ทำลายทรัพย์สินของทางราช และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บกว่า 30 นาย ว่า ตนในฐานะผู้กำกับเหตุการณ์ขอยืนยันต่อประชาชน และข้าราชการตำรวจทุกคนที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้คนภูเก็ต ว่า เราจะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้ได้รับความสุข และคืนความสุขให้แก่ประชาชน
การดูแลความสงบเรียบร้อยที่ สภ.ถลาง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความอดทนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในขณะนั้นมีการยั่วยุอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการปาสิ่งของเข้าไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ตำรวจมีความฮึกเหิมที่จะออกไปปกป้อง แต่ทุกคนก็ต้องใช้ความอดทนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือความสูญเสียเกิดขึ้น วันนั้น ตนพร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายนายที่อยู่ภายในสถานีตำรวจภูธรถลาง ซึ่งทุกคนต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นทุกคนอยากที่จะปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติตามกฎหมาย เสียงกระจกที่แตกแต่ละครั้ง เปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้รถยนต์ เชื้อเพลิงที่ถูกโยนเข้าไปภายในตัวอาคาร เจ้าหน้าที่ต้องดับเพลิงด้วยมือเปล่า ทำให้ทุกคนรู้สึกเจ็บที่ใจ แต่ก็ต้องอดทน อาศัยความนิ่ง และฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียชีวิตทั้งของประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจยอมเจ็บเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียในชีวิต ขณะที่กระจกของสถานีตำรวจเสียหายทั้งหมด รถยนต์ที่จอดอยู่ถูกเผาจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังมีรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง หรือแม่แต่รถของผู้บังคับการฯ เองก็ถูกเผา เจ้าหน้าที่ต้องฝ่าดงก้อนหินที่ถูกขว้างเข้ามาไปดับเพลิงโดยไม่มีการตอบโตอาศัยเพียงความนิ่งอย่างเดียว
พล.ต.ต.พชร กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการหารือร่วมกันทุกฝ่าย ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตอบโต้ต่อกลุ่มมวลชนก็สามารถที่จะเข้าไประงับยับยั้งการทำลายทรัพย์สินและจับกุมผู้ชุมนุมได้ แต่เมื่อมาประเมินสถานการณ์ในขณะนั้นซึ่งมวลชนบางส่วนเมาสุรา เมายา คุ้มกันหรือเปล่า ซึ่งการเข้าดำเนินการต้องใช้กำลัง เมื่อมีการใช้กำลังก็จะต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตายกันแน่นอน ซึ่งไม่คุ้มกัน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานด้วยความอดทนจากหนักไปหาเบา ต้องเป็นตำรวจมืออาชีพ ต้องเสียสละเพื่อชาติ เพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงตัวจะบาดเจ็บ หรือล้มตายก็ต้องยอม ตนขอชมเชยจิตใจของผู้รวมงานทุกคนที่มีวินัย และมีความอดทนอย่างเต็มที่ สมดังอุดมคติของตำรวจว่า อดทนต่อความเจ็บใจ ให้นึกถึงเพลงมาร์ชของตำรวจไว้ ซึ่งตนได้ย้ำต่อลูกน้องตลอดให้อดทน ผลออกมา โรงพักพังเสียหายยับเยิน รถถูกเผาหลายคัน ทั้งรถส่วนตัวของข้าราชการตำรวจ รถของโรงพักมี ถามว่าในใจเจ็บช้ำหรือเปล่า เสียใจหรือเปล่า ทุกคนรู้สึกเสียใจ เจ็บใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“สำหรับมูลเหตุในครั้งนี้ เกิดจากการจากหน้าที่ตำรวจไล่จับผู้ต้องสงสัยที่ขับรถหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าไม่มีเหตุเสียชีวิตเกิดขึ้นก็จะเป็นแค่เรื่องของการจับกุมผู้กระทำความผิดคดียาเสพติด ซึ่งการจับกุมผู้กระทำความผิดนั้นมีการจับกันเป็นประจำอยู่แล้วตามหลักการที่ได้ฝึก เป็นแต่เพียงว่าเหตุการณ์ในวันนั้น จะด้วยเหตุบังเอิญ หรือเหตุประการใดก็ตาม ทำให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นก็เลยเป็นเหตุขึ้น ซึ่งเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นก็ต้องมีการสอบสวน จะด่วนสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย แต่จากการเจรจาคู่กรณีไม่ยอม ต้องการให้นำตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 4 นาย มายังจุดที่มีการชุมนุม และต้องเอามาเดี๋ยวนั้น เอามาทำไม เอามาประชาทัณฑ์เหรอ ตนให้ไม่ได้ในฐานะผู้บังคับบัญชา ในฐานะผู้ดูแล รุ่งขึ้นอีกวันตนไปร่วมประชุมกับทางญาติผู้เสียชีวิตอีกครั้ง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน ทหารเป็นคนกลาง สรุปก็ต้องรอเวลาในการสอบสวน ถ้าวันที่เกิดเหตุยอมฟังกัน และคุยกันด้วยเหตุผล ก็คงจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทุกคนไม่อยากให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ทุกคนเสียใจและเศร้าใจ ไม่มีใครอยากเห็น”
วันนั้นรู้สึกสะท้อนใจ ในขณะที่โรงพักถูกขว้างปาด้วยก้อนหิน กระจกแตกเพล้ง เพล้ง เสียงระเบิดตูม เสียงปืนดังปัง ถามว่าความเป็นตำรวจ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้จิตใจมันฮึกเหิม แต่ในขณะนั้นต้องอดทนเพื่อประชาชน เพื่อความสงบของบ้านเมือง ไม่อยากให้บานปลาย ไม่อยากไปทำลายบรรยากาศของการปรองดอง ต้องอดทน จนกระทั่งตำรวจหลายนายต้องบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้จำนวนหลายนาย ซึ่งก็ต้องยอม เหตุการณ์ในวันนั้นคิดอยู่อย่างเดียว ว่า ตัวเป็นอะไรก็ช่างมัน ข้าราชการตำรวจพร้อมที่จะดูแลประชาชน กระจกแทนเราทนได้ บาดเจ็บทนได้ กระจกแตกเปลี่ยนได้ แต่ถ้าลุยออกไปแล้วต้องใช้กำลังมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่มาก่อเหตุ หรือข้าราชการตำรวจไม่สามารถเปลี่ยนได้ เราจึงต้องใช้ความอดทนจนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
