ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หวิดบานปลายเจรจารอบสอง เหตุชาวบ้านชุมนุมปิดล้อมโรงพักถลาง จ.ภูเก็ต หลังนัดเคลียร์ปัญหาวันนี้ (11 ต.ค.) ตอน 9 โมงเช้า ที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านดอน แต่ผู้ว่าฯ ขอเปลี่ยนสถานที่เป็นศาลกลางแทน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ต้องลงพื้นที่เจรจาขอย้ายสถานที่แต่ไม่เป็นผล สุดท้ายต้องยอมทำตามข้อเรียกเคลียร์ปัญหาจบแบบไม่สะเด็ดน้ำ ยังมีกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนไม่ยอมรับข้อตกลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ชาวบ้านรวมตัวกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง สกัดจับ 2 วัยรุ่นจนเกิดการเฉี่ยวชน เป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านไม่พอใจมีการชุมนุมปิดถนนหน้าสถานีตำรวจภูธรถลาง จ.ภูเก็ต จนมีเหตุบานปลายถึงขั้นเผารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และขว้างก้อนหิน ระเบิดขวดเข้าใส่สถานีตำรวจภูธรถลาง จนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 8 และจังหวัดภูเก็ต ได้รองขอกำลังสนับสนุนจากทหารบก และเจ้าหน้าที่ชุดปราบฝูงชนจากจังหวัดพังงาเข้าดำเนิน จนกระทั่ง พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 เข้าเจรจากับชาวบ้านขอให้สลายตัว และนัดเจรจาใหม่วันนี้ (11 ต.ค.) เวลา 9.00 น.ที่ศาลอเนกประสงค์บ้านดอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัดหมายได้มีชาวบ้าน รวมทั้งพ่อแม่ และญาติๆ รวมทั้งเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิตได้ไปรวมตัวกันที่ศาลาอเนกประสงค์ดังกล่าวจำนวนมาก โดย พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากมณฑลทหารบกที่ 41 ร่วมเจราจากับชาวบ้าน โดยไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หรือรองผู้ว่าฯ รวมทั้งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมแต่อย่างใด เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้ชาวบ้านไปร่วมเจรจาที่ศาลกลางจังหวัดภูเก็ต เมื่อ พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบถึงข้อเสนอดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก และต่างก็ยืนยันที่จะเจรจาที่ศาลาอเนกประสงค์ฯ เท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่รออยู่
จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทั้ง 3 คน ปลัดจังหวัด นายอำเภอถลาง พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และคณะ เดินทางถึงศาลาอเนกประสงค์ และร่วมหารือกับญาติผู้เสียชีวิต และตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับการแต่งตั้งมากจากกลุ่มชาวบ้านที่มาร่วมชุมนุมประมาณ 10 คน ส่วนชาวบ้านที่เหลือรออยู่ด้านนอกอาคาร โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคอยดูแลความสงบเรียบร้อง และวางแนวกำลังป้องกันไม่ให้ชาวบ้านบุกเข้ามาภายในอาคาร โดยมี พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ร่วมเป็นคนกลางในการเจรจา
สำหรับการเจรจาในครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งบรรยากาศการเจรจาเป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากชาวบ้านที่รออยู่ด้านนอกมีการโห่ร้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเจรจาในครั้งนี้ทางญาติของผู้เสียชีวิต นายศิริชัย ปะณะรักษ์ ซึ่งเป็นรองปลัดเทศบาลแห่งหนึ่ง และมีศักดิ์เป็นอาของหนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้เรียกร้องให้หน่วยงานราชการทั้งจังหวัด และทางตำรวจให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งขณะนี้ตนเองมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะที่เกิดขึ้นได้ ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ส่วนเรื่องของยาเสพติดก็เช่นกันยอมรับว่าหลานตนเองเคยมีคดี และเคยติดคุก แต่ไม่เชื่อว่าเด็กจะมียาบ้าอยู่ในกระเป๋าตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่เจ้าหน้าที่กลับไล่ล่าเหมือนเด็กเป็นอาชญากร หรือโจรปล้นธนาคารซึ่งคิดว่าจุดนี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ รวมทั้งอยากให้ทางจังหวัดตรวจสอบเรื่องการเข้าไปขอดูกล้องวงจรปิดจากหน่วยงานภาครัฐ พวกตนก็ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปสั่งเจ้าหน้าที่ไม่ให้ภาพดังกล่าวแก่พวกตน จึงอยากให้มีการทำงานให้โปร่งใส ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่คิดว่าไม่ได้มาจากเรื่องของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว แต่เกิดจากความเกลียดชังตำรวจของชาวบ้านมากกว่า จึงอยากให้การตรวจมีความโปร่งใส และยุติธรรม และให้จบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่ นายทวีสิทธิ์ ปะณะรักษ์ พ่อของเด็กวัยรุ่นวัย 22 ปี ที่เสียชีวิตกล่าวทั้งน้ำตา ว่า ตนเองมีลูกชายคนเดียว อายุลูกยังน้อย ที่ผ่านมา ยอมรับว่าลูกเคยเสพยาไอซ์ และเคยติดคุกมาแล้ว เชื่อว่าคนที่ออกจากคุกมาแล้วคงไม่อยากกลับเข้าไป และไม่เชื่อว่าลูกชายตนจะมียาบ้า หรือถ้าเด็กกระทำผิดจริง การกระทำของตำรวจถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป ไม่มีใครที่จะเอาชีวิตของลูกกลับมาให้ตนได้ ถ้าลูกติดคุกก็ยังมีโอกาสได้ออกมาจากคุก แต่ครั้งนี้ลูกต้องมาเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตนรับไม่ได้ ชีวิตของเด็กทั้ง 2 คน ไม่ควรที่จะจบแบบนั้น ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทั้งที่ตอนไล่ล่าก็ไม่มีหลักฐาน หรือแม้แต่ตอนรถชนก็ไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่าว่าเด็กมียาเสพติดจริงหรือไม่
ขณะที่ นางสุขศรี แก่นตะเคียน แม่ของเด็กวัย 17 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ กล่าวว่า ถ้าลูกเกี่ยวข้องกับยาบ้า พวกตนคงมีเงินมากกว่านี้แล้ว การกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้เด็กต้องเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุควรจะต้องถูกออกจากราชการ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเหมือนกับประชาชนทั่วไป ไม่ใช่แค่ย้ายออกไปแล้วเรื่องก็จบ ซึ่งเรื่องนี้พวกตนยอมไม่ได้
ส่วน นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดนั้นพร้อมจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และพร้อมที่จะปกป้องประชาชนไม่ให้ถูกรังแก และจะดูแลปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งประชาชนรายใดมีหลักฐานก็สามารถส่งมาให้ทางจังหวัดได้ ซึ่งทางจังหวัดจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ควบคู่ไปกับคณะทำงานของตำรวจ และยืนยันว่าไม่มีการเข้าข้างใครแน่นอน ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ชาวบ้านไม่เชื่อมั่นก็สามารถยื่นฟ้องได้เองอีกทางหนึ่ง ส่วนเรื่องเงินทำศพนั้นในส่วนของจังหวัดจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ว่าจะสามารถใช้เงินในส่วนไหนเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั้ง 2 ครอบครัว
ขณะ พล.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจทั้ง 4 นาย ขณะนี้ได้สั่งย้ายออกนอกพื้นที่แล้ว ส่วนการดำเนินการต่อเหตุการณ์ที่เกิดทางตำรวจจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนเช่นกัน ขั้นแรกก็เป็นเรื่องของการตรวจพิสูจน์ ซึ่งจะต้องร่วมทำการกัน 4 ฝ่าย ทั้งพนักงานสอบสวน แพทย์ อัยการ และฝ่ายปกครอง ซึ่งในส่วนของฝ่ายปกครองได้มีการแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ เข้าร่วม ส่วนกรณีที่ญาติอยากจะติดตามอย่างใกล้ชิด และร่วมรับทราบการตรวจพิสูจน์ทางตำรวจก็พร้อม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเสร็จภายใน 30 วัน หลังจากนั้น ก็จะมีการนำเรื่องขึ้นศาลา หรือถ้าหากญาติเห็นว่าผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ถูกต้องก็สามารถฟ้องเองได้เลย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายนั้นจะมีการสอบสวนหากพบว่ าผิดก็ว่ากันไปตามผิด รับรองว่าจะไม่มีการเข้าข้างกันแน่นอน และทุกคนจะต้องได้รับผลจากการกระทำ
อย่างไรก็ตาม จากการร่วมเจรจาในครั้งนี้ ได้สร้างความพอใจให้แก่ทางญาติของผู้เสียชีวิตในระดับหนึ่ง และยอมที่จะรอให้ผลการตรวจสอบเสร็จเสร็จ แต่หลังจากที่มีการนำข้อมูลและข้อสรุปต่างๆ มาแจ้งให้แก่ชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ด้านนอกได้รับทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว ก็มีชาวบ้าน และกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนที่ไม่ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว และมีการตะโกนว่า ไม่ยอม ตำรวจที่ก่อเหตุจะต้องติดคุก และมีบางส่วนที่พยายามจะชักชวนกลุ่มชาวบ้านที่ไม่พอใจเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรถลางอีกครั้งในวันนี้ เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำตามข้อเรียกร้อง ซึ่งทางตัวแทนชาวบ้านก็พยายามที่จะช่วยไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าที่ควร และยังมีการก่อหวอดของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยอยู่เป็นระยะ ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานราชการทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ
ด้าน พล.ต.พชร กล่าวต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการเจรจากับตัวแทนชาวบ้านว่า ในส่วนขอตำรวจจะดำเนินการไปตามขึ้นตอนคือ การตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสถานีตำรวจภูธรถลางนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ กระจกแตกเสียหายทั้งหลัง รถทั้งของส่วนตัว และของราชการ รวมทั้งของประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหมด 7 คัน เสียหายบางส่วน จำนวน 11 คัน นอกจากนั้น ยังมีอาคารถูกไฟไหม้เล็กน้อยบางส่วน มีรถจักรยานได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายคนสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย เพราะตำรวจไม่ต้องการใช้ความรุนแรง ถ้ามีการใช้ความรุนแรงก็จะเกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนคนที่ทำความผิด และทำลายทรัพย์สินนั้นขอยืนยันว่ามีการเก็บภาพไว้ทั้งหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ชาวบ้านรวมตัวกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง สกัดจับ 2 วัยรุ่นจนเกิดการเฉี่ยวชน เป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านไม่พอใจมีการชุมนุมปิดถนนหน้าสถานีตำรวจภูธรถลาง จ.ภูเก็ต จนมีเหตุบานปลายถึงขั้นเผารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และขว้างก้อนหิน ระเบิดขวดเข้าใส่สถานีตำรวจภูธรถลาง จนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 8 และจังหวัดภูเก็ต ได้รองขอกำลังสนับสนุนจากทหารบก และเจ้าหน้าที่ชุดปราบฝูงชนจากจังหวัดพังงาเข้าดำเนิน จนกระทั่ง พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 เข้าเจรจากับชาวบ้านขอให้สลายตัว และนัดเจรจาใหม่วันนี้ (11 ต.ค.) เวลา 9.00 น.ที่ศาลอเนกประสงค์บ้านดอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัดหมายได้มีชาวบ้าน รวมทั้งพ่อแม่ และญาติๆ รวมทั้งเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิตได้ไปรวมตัวกันที่ศาลาอเนกประสงค์ดังกล่าวจำนวนมาก โดย พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่จากมณฑลทหารบกที่ 41 ร่วมเจราจากับชาวบ้าน โดยไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หรือรองผู้ว่าฯ รวมทั้งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมแต่อย่างใด เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้ชาวบ้านไปร่วมเจรจาที่ศาลกลางจังหวัดภูเก็ต เมื่อ พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบถึงข้อเสนอดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก และต่างก็ยืนยันที่จะเจรจาที่ศาลาอเนกประสงค์ฯ เท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงไปพบกับกลุ่มชาวบ้านที่รออยู่
จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทั้ง 3 คน ปลัดจังหวัด นายอำเภอถลาง พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และคณะ เดินทางถึงศาลาอเนกประสงค์ และร่วมหารือกับญาติผู้เสียชีวิต และตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับการแต่งตั้งมากจากกลุ่มชาวบ้านที่มาร่วมชุมนุมประมาณ 10 คน ส่วนชาวบ้านที่เหลือรออยู่ด้านนอกอาคาร โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคอยดูแลความสงบเรียบร้อง และวางแนวกำลังป้องกันไม่ให้ชาวบ้านบุกเข้ามาภายในอาคาร โดยมี พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ร่วมเป็นคนกลางในการเจรจา
สำหรับการเจรจาในครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งบรรยากาศการเจรจาเป็นไปด้วยความตึงเครียด เนื่องจากชาวบ้านที่รออยู่ด้านนอกมีการโห่ร้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการเจรจาในครั้งนี้ทางญาติของผู้เสียชีวิต นายศิริชัย ปะณะรักษ์ ซึ่งเป็นรองปลัดเทศบาลแห่งหนึ่ง และมีศักดิ์เป็นอาของหนึ่งในผู้เสียชีวิต ได้เรียกร้องให้หน่วยงานราชการทั้งจังหวัด และทางตำรวจให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งขณะนี้ตนเองมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะที่เกิดขึ้นได้ ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ส่วนเรื่องของยาเสพติดก็เช่นกันยอมรับว่าหลานตนเองเคยมีคดี และเคยติดคุก แต่ไม่เชื่อว่าเด็กจะมียาบ้าอยู่ในกระเป๋าตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่เจ้าหน้าที่กลับไล่ล่าเหมือนเด็กเป็นอาชญากร หรือโจรปล้นธนาคารซึ่งคิดว่าจุดนี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ รวมทั้งอยากให้ทางจังหวัดตรวจสอบเรื่องการเข้าไปขอดูกล้องวงจรปิดจากหน่วยงานภาครัฐ พวกตนก็ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปสั่งเจ้าหน้าที่ไม่ให้ภาพดังกล่าวแก่พวกตน จึงอยากให้มีการทำงานให้โปร่งใส ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่คิดว่าไม่ได้มาจากเรื่องของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว แต่เกิดจากความเกลียดชังตำรวจของชาวบ้านมากกว่า จึงอยากให้การตรวจมีความโปร่งใส และยุติธรรม และให้จบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่ นายทวีสิทธิ์ ปะณะรักษ์ พ่อของเด็กวัยรุ่นวัย 22 ปี ที่เสียชีวิตกล่าวทั้งน้ำตา ว่า ตนเองมีลูกชายคนเดียว อายุลูกยังน้อย ที่ผ่านมา ยอมรับว่าลูกเคยเสพยาไอซ์ และเคยติดคุกมาแล้ว เชื่อว่าคนที่ออกจากคุกมาแล้วคงไม่อยากกลับเข้าไป และไม่เชื่อว่าลูกชายตนจะมียาบ้า หรือถ้าเด็กกระทำผิดจริง การกระทำของตำรวจถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป ไม่มีใครที่จะเอาชีวิตของลูกกลับมาให้ตนได้ ถ้าลูกติดคุกก็ยังมีโอกาสได้ออกมาจากคุก แต่ครั้งนี้ลูกต้องมาเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตนรับไม่ได้ ชีวิตของเด็กทั้ง 2 คน ไม่ควรที่จะจบแบบนั้น ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ทั้งที่ตอนไล่ล่าก็ไม่มีหลักฐาน หรือแม้แต่ตอนรถชนก็ไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่าว่าเด็กมียาเสพติดจริงหรือไม่
ขณะที่ นางสุขศรี แก่นตะเคียน แม่ของเด็กวัย 17 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ กล่าวว่า ถ้าลูกเกี่ยวข้องกับยาบ้า พวกตนคงมีเงินมากกว่านี้แล้ว การกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้เด็กต้องเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุควรจะต้องถูกออกจากราชการ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเหมือนกับประชาชนทั่วไป ไม่ใช่แค่ย้ายออกไปแล้วเรื่องก็จบ ซึ่งเรื่องนี้พวกตนยอมไม่ได้
ส่วน นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดนั้นพร้อมจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และพร้อมที่จะปกป้องประชาชนไม่ให้ถูกรังแก และจะดูแลปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งประชาชนรายใดมีหลักฐานก็สามารถส่งมาให้ทางจังหวัดได้ ซึ่งทางจังหวัดจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ควบคู่ไปกับคณะทำงานของตำรวจ และยืนยันว่าไม่มีการเข้าข้างใครแน่นอน ถูกก็ว่ากันไปตามถูก ผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ชาวบ้านไม่เชื่อมั่นก็สามารถยื่นฟ้องได้เองอีกทางหนึ่ง ส่วนเรื่องเงินทำศพนั้นในส่วนของจังหวัดจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ว่าจะสามารถใช้เงินในส่วนไหนเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั้ง 2 ครอบครัว
ขณะ พล.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจทั้ง 4 นาย ขณะนี้ได้สั่งย้ายออกนอกพื้นที่แล้ว ส่วนการดำเนินการต่อเหตุการณ์ที่เกิดทางตำรวจจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนเช่นกัน ขั้นแรกก็เป็นเรื่องของการตรวจพิสูจน์ ซึ่งจะต้องร่วมทำการกัน 4 ฝ่าย ทั้งพนักงานสอบสวน แพทย์ อัยการ และฝ่ายปกครอง ซึ่งในส่วนของฝ่ายปกครองได้มีการแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ เข้าร่วม ส่วนกรณีที่ญาติอยากจะติดตามอย่างใกล้ชิด และร่วมรับทราบการตรวจพิสูจน์ทางตำรวจก็พร้อม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเสร็จภายใน 30 วัน หลังจากนั้น ก็จะมีการนำเรื่องขึ้นศาลา หรือถ้าหากญาติเห็นว่าผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ถูกต้องก็สามารถฟ้องเองได้เลย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายนั้นจะมีการสอบสวนหากพบว่ าผิดก็ว่ากันไปตามผิด รับรองว่าจะไม่มีการเข้าข้างกันแน่นอน และทุกคนจะต้องได้รับผลจากการกระทำ
อย่างไรก็ตาม จากการร่วมเจรจาในครั้งนี้ ได้สร้างความพอใจให้แก่ทางญาติของผู้เสียชีวิตในระดับหนึ่ง และยอมที่จะรอให้ผลการตรวจสอบเสร็จเสร็จ แต่หลังจากที่มีการนำข้อมูลและข้อสรุปต่างๆ มาแจ้งให้แก่ชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ด้านนอกได้รับทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว ก็มีชาวบ้าน และกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนที่ไม่ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว และมีการตะโกนว่า ไม่ยอม ตำรวจที่ก่อเหตุจะต้องติดคุก และมีบางส่วนที่พยายามจะชักชวนกลุ่มชาวบ้านที่ไม่พอใจเดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรถลางอีกครั้งในวันนี้ เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำตามข้อเรียกร้อง ซึ่งทางตัวแทนชาวบ้านก็พยายามที่จะช่วยไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่เป็นผลเท่าที่ควร และยังมีการก่อหวอดของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยอยู่เป็นระยะ ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานราชการทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ
ด้าน พล.ต.พชร กล่าวต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการเจรจากับตัวแทนชาวบ้านว่า ในส่วนขอตำรวจจะดำเนินการไปตามขึ้นตอนคือ การตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อสถานีตำรวจภูธรถลางนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ กระจกแตกเสียหายทั้งหลัง รถทั้งของส่วนตัว และของราชการ รวมทั้งของประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหมด 7 คัน เสียหายบางส่วน จำนวน 11 คัน นอกจากนั้น ยังมีอาคารถูกไฟไหม้เล็กน้อยบางส่วน มีรถจักรยานได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายคนสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย เพราะตำรวจไม่ต้องการใช้ความรุนแรง ถ้ามีการใช้ความรุนแรงก็จะเกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนคนที่ทำความผิด และทำลายทรัพย์สินนั้นขอยืนยันว่ามีการเก็บภาพไว้ทั้งหมดแล้ว