ระนอง - ความคืบหน้าคดีฆ่าเด็กนักเรียนโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดระนอง “พยาน” ระบุชัดเห็นแรงงานพม่า 4 คน ในคืนเกิดเหตุ ด้านผู้การฯระนองเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจคว้านหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรณ์
ความคืบหน้าคดีฆ่าเด็กนักเรียนโรงเรียนชื่อดังที่จังหวัดระนอง ล่าสุด วันนี้ (1 ต.ค.) ที่สำนักสงฆ์สะพานปลา หมู่ที่ 1 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ได้มีพยานผู้ที่เห็นชายวัยรุ่นชาวพม่า จำนวน 4 คน วิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็วจากซอยจุดที่เกิดเหตุผ่านหอระฆังโรงฉัน และวิ่งทะลุไปอีกซอยหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางลัดระหว่างซอยข้างสำนักสงฆ์
โดยนายสมชาย อัครเดช อายุ 58 ปี มีอาชีพเป็นนายช่างทั่วไปมาช่วยสร้างโบสถ์ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่เกิดเหตุคดีฆ่าเด็กนักเรียนตาย ตนและเพื่อนๆ ที่เป็นช่างเพิ่งเสร็จจากงานก่อสร้าง ก็ได้อาบน้ำกินข้าวกันที่สำนักสงฆ์ และกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อนในช่วงค่ำเวลาที่เกิด ตนได้นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในเปลเพื่อรอเพื่อนอีก 2 คน กลับพร้อมกัน ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงสุนัขหลายตัวที่อยู่ภายในสำนักสงฆ์เห่ากระโชกเสียงดัง และออกวิ่งไล่ตนจึงหันไปดูที่ต้นเสียง คือ หอระฆัง พบว่า มีชายวัยรุ่นชาวพม่า จำนวน 4 คน กำลังวิ่งผ่านหอระฆังโรงฉันท และวิ่งทะลุไปอีกซอยหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางลัดระหว่างซอย ซึ่งตนยืนยันได้ว่า จากการแต่งตัวรูปพรรณสัณฐานสามารถระบุได้ว่า เป็นชาวพม่า และสุนัขในวัดมันจะไม่เห่าคนไทยนอกจากเป็นแรงงานชาวพม่า
และหลังจากนั้น เพื่อนของนายสมชาย ได้นำไปดูหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งคือ ไม้ไผ่ที่ใช้สำหรับก่อสร้างอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุอีกชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกันกับที่ทางตำรวจได้เก็บไปเป็นหลักฐานที่ใช้เป็นอาวุธทำร้ายน้องแอปเปิ้ล (ผู้ตาย) กองอยู่ข้างกำแพงวัด ซึ่งไม้ไผ่ลำดังกล่าวคนร้ายน่าจะหยิบไปจากจุดเดียวกัน และภายหลังจากที่ก่อเหตุรุมทำร้ายน้องแอปเปิ้ลจนถึงแก่ชีวิตแล้ว ก็วิ่งหลบหนีกันไปทางซอยที่อยู่ด้านหลังสำนักสงฆ์ดังกล่าว
ตำรวจเร่งไล่ล่าตัวคนร้าย
ด้านพล.ต.ต.นรินทร์บุษยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขณะนี้ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนองได้มีการประชุมกันตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะถือว่าเป็นคดีอุฉกรรจ์และจากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดในขณะที่ผู้ตายเดินจากถนนใหญ่เข้าซอยมาได้มีการมองระวังมาจากทางด้านหลังอยู่ตลอดเวลา คาดว่าผู้ตายน่าจะรู้ตัวแล้วว่ามีคนจ้องจะปองร้าย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุคดีนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด และสรุปประเด็นที่ติดตามไว้ประเด็นคือความแค้นส่วนตัว และให้ทางชุดสืบสวนสอบสวนเร่งสืบตามหาตัวรถซาเล้งที่เข้าไปในซอยก่อนผู้ตายเดินเข้าไปในซอยประมาณ 40 วินาที คาดว่าน่าจะเห็นกลุ่มคนร้ายเดินสวนทางมา
โดยในช่วงสายวันนี้ (1 ต.ค.) ที่บ้านไม่มีเลขที่หมู่ที่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นบ้านของ นายสุวิทย์ ทองเขียว อายุ 48 ปี เจ้าของรถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันที่เข้ามาในซอยที่เกิดเหตุก่อนที่น้องแอปเปิ้ล (ผู้ตาย) จะเดินเข้าซอยก่อนประมาณ 40 วินาที
จากการสอบถาม นายสุวิทย์ ได้เล่าให้ฟังว่า ค่ำคืนวันที่เกิดเหตุตนได้กลับมาจากโรงพยาบาลระนอง เนื่องจากหลานสาวของตนได้มีอาการปวดท้องรุนแรง แต่หลังจากกลับมาและขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้น ตนไม่ได้เห็นกลุ่มคนร้ายเดินสวนมาหรือยืนซุ่มอยู่แต่อย่างใด เพราะซอยนั้นมืดมาก ขณะขับขี่แสงไฟรถที่ส่องสว่างก็สามารถเห็นกลุ่มคนที่เดินไปมาได้อย่างชัดเจนรวมถึงนางญารินดา ณ.ถลาง น้องสาว หลาน และภรรยาของตนด้วยรวมทั้งหมด 4 คน ที่นั่งไปด้วยกันในรถพ่วงคันดังกล่าวด้วยซึ่งจะมีผลในการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทางกลุ่มคนร้ายไม่น่าจะมีการตระเตรียมการดักซุ่มมาทำร้ายหรือวางแผนการล่วงหน้ามาก่อนหน้าน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่น่าจะมาสาเหตุมาจากช่วงขณะที่น้องแอปเปิ้ลเดินอยู่บนถนนใหญ่และไปพบเห็นเหตุการณ์บางอย่างหรือมีการพูดจาทะเลาะกับคนร้ายกลุ่มนี้จนเป็นเหตุให้คนร้ายกลุ่มนี้เกิดการโกรธแค้นและเดินตามมาลัดเข้าซอยผ่านทางหน้าสำนักสงฆ์เพื่อมาดักหน้าจากนั้นจึงร่วมกันรุมทำร้ายน้องแอปเปิ้ลจนเสียชีวิต