กระหน่ำแชร์เตือนภัย! คลิปโจรก่อเหตุอุกอาจกระชากสร้อยทองกลางเมืองช้าง

สุรินทร์ - โลกโซเชียลมีเดียกระหน่ำแชร์เตือนภัย คลิปคนร้าย 2 คนขับขี่จักรยานยนต์ก่อเหตุอุกอาจกระชากสร้อยคอทองคำพร้อม “หลวงปู่ทวด” เลี่ยมทองกลางเมืองช้าง เผยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้อย่างชัดเจน ตำรวจเร่งล่าตัวมาดำเนินคดี

วันนี้ (25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สื่อสังคมโลกออนไลน์กลุ่มเพจต่างๆ ใน จ.สุรินทร์ได้มีการแชร์คลิปเตือนภัยสังคมพร้อมข้อความว่า “เปิดภาพวงจรปิด คนร้ายกระชากสร้อยหน้าร้านโยพาณิชย์ เยื้องเทศบาลเมืองสุรินทร์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา” โดยเป็นภาพคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ จำนวน 2 คน สวมหมวกกันน็อกอำพรางใบหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นโชกัน สีน้ำเงิน ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน มาดักรอเหยื่อที่กำลังขนของขึ้นรถสามล้อปั่น และอาศัยช่วงเหยื่อเผลอวิ่งราวทรัพย์ด้วยการกระชากสร้อยคอทองคำหลบหนีไปอย่างลอยนวล

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุตามที่ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าว บริเวณด้านร้านโยพาณิชย์ (เยื้องเทศบาลเมืองสุรินทร์) เลขที่ 91 ถนนกรุงศรีใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของร้านโยพาณิชย์บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายก่อเหตุได้ทั้งหมด

สอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า วันที่เกิดเหตุตรงกับวันที่ 22 ก.ค. เวลาประมาณ 13.43 น. คนงานร้านโยพาณิชย์กำลังช่วยยกสินค้า เป็นกล่องมีลิ้นชักสำหรับเก็บของ 2 หลัง และเก้าอี้พลาสติก 1 ตัว ให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคน สวมชุดเสื้อ กระโปรงยีนส์สีน้ำเงิน สวมหมวกกันน็อก เรียกรถสามล้อมาช่วยขนของกลับบ้าน

พอช่วงเวลา 13.44 น. คนร้ายได้อาศัยทีเผลอจู่โจมมาด้านหลังผู้หญิงคนดังกล่าว ก่อนทำการกระชากสร้อยคอทองคำแล้วพากันขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นโชกัน สีน้ำเงิน ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไปได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์พิพัฒน์ เหิมฉลาด รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ได้เร่งประมวลภาพจากกล้องวงจรปิดต่างๆ ทั่วเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ พร้อมเชิญผู้เสียหาย คือ นางสาวพิศมัย จงธรรม์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 292/11 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เข้ามาชี้ตัวจากภาพกล้องวงจรปิด พร้อมยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริง จากภาพที่ปรากฏคาดว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในเร็ววันนี้

เจ้าของร้านขายไข่ ข้างร้านโยพาณิชย์ กล่าวว่า คนร้ายมาจอดรถอยู่ตรงข้ามซาเล้ง ตนไปนั่งดูทีวีช่วงบ่าย ขณะนั้นลูกน้องก็พากันออกไปส่งของทั้งหมด คนร้ายใส่หมวกกันน็อกปิดหน้า ตนเห็นหน้าไม่ชัดเพราะนั่งอยู่ข้างในร้าน ผู้หญิงที่ถูกกระชากสร้อยคอทองคำไปก็ไม่กล้าร้องให้คนช่วยเพราะคนร้ายทั้ง 2 คนตัวใหญ่มาก

พนักงานร้านโยพาณิชย์กล่าวว่า เห็นป้าที่ถูกกระชากสร้อยคอทองคำหนักประมาณ 50 สตางค์ ส่วนสร้อยข้อมือทองคำคนร้ายเอาไปไม่ได้ ซึ่งป้าบอกว่าจะไม่แจ้งความ กลัวคนร้าย มีปืน มีอะไรจะกลับมาทำร้ายอีก ผู้เสียหายอยู่ในเมืองสุรินทร์ มาซื้อของที่ร้านเป็นประจำ ชอบมารถจักรยานยนต์พอของชิ้นใหญ่แกเอาไปไม่ได้ก็จ้างรถสามล้อมาขนเอาไป

นางสาวพิศมัย ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนไม่กล้าใส่ทองออกนอกบ้านอีกแล้ว กลัวมากหลังจากคนร้ายกระชากสร้อยคอทองคำ และพระหลวงปู่ทวดเลี่ยมทองไป วันเกิดเหตุตนแจ้ง 191 ตำรวจสายตรวจ ตำรวจเฝ้าร้านทองแถวๆ นั้นก็มาหลังได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารถือว่ามาเร็ว หลังเกิดเหตุตนวิ่งตามคนร้ายนิดหนึ่งแบบกล้าๆ กลัวๆ เพราะเขาเข้ามาข้างหลัง

นางสาวพิศมัยกล่าวอีกว่า ในช่วงที่คนร้ายเข้ามากระชากสร้อยตนหันหลังอยู่โดยไม่รู้สึกตัว มีความรู้สึกเหมือนใครมายืนอยู่ใกล้ๆ ลักษณะประชิดตัว แล้วเอามือมาปัดผมแล้วลากมือเพื่อกำสายสร้อยแล้วกระชากออกไปอย่างแรงจนสร้อยขาดออกจากคอ ตนไม่แน่ใจว่าสร้อยคอทองคำที่ใส่วันเกิดเหตุหนัก 50 สตางค์ หรือ 1 บาท เพราะมีอยู่ 2 เส้น จำไม่ได้ว่าใส่เส้นไหน

ขอฝากเตือนว่าทำอะไรอย่าเผลอ ต้องมีสติตลอด ที่โดนเพราะไม่ได้ทันสังเกตว่ารอบข้างมีอะไรเพราะความเคยชิน สำหรับผู้หญิงถ้าไม่จำเป็นก็ขอเตือนไม่ควรใส่ทองคำ หรือของมีค่าออกจากบ้าน ตนไม่ยึดติดเฟอร์นิเจอร์มีค่าอะไร แต่ต้องการคล้องพระหลวงปู่ทวดเลี่ยมทองที่คุณแม่ให้มา และประเมินมูลค่าไม่ได้